
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่จะเก็บภาษีสินค้าญี่ปุ่นให้สูงขึ้นไปอีก โดยย้ำว่าญี่ปุ่นจะยังคงเดินหน้าเจรจาต่อไปด้วย “ความจริงใจ”
คาซูฮิโกะ อาโอกิ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงข่าวในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นต้องการบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับสหรัฐฯ ผ่านการเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังผู้นำสหรัฐฯ ได้จุดประเด็นแนวคิดที่จะปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นขึ้นไปอีก โดยมองไปถึงตัวเลขที่สูงถึง 30% หรือ 35% นอกจากนี้ ทรัมป์ยังคงตอกย้ำข้อร้องเรียนเดิม ๆ ว่า ญี่ปุ่นนำเข้ารถยนต์และข้าวจากสหรัฐฯ ไม่มากพอ โดยกล่าวหาว่า “เรื่องการค้านี่ พวกเขาเอาเปรียบมาตลอด และยุคนั้นมันหมดไปแล้ว”
“ผมไม่แน่ใจว่าเราจะตกลงกันได้ไหม ผมว่าคงจะยาก” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน พร้อมเรียกญี่ปุ่นว่า “แข็งข้อมาก” และ “ถูกตามใจจนเสียคน”
อาโอกิได้กล่าวในประเด็นนี้ว่า “เราทราบว่าประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวอะไรไป แต่เราไม่ออกความเห็นทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีถ้อยแถลงอะไรออกมา” พร้อมเสริมว่า “เราตั้งใจที่จะเดินหน้าเจรจาแบบทวิภาคีด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ”
ทั้งนี้ คำสั่งพักเก็บภาษี 90 วัน กำลังจะหมดลงในวันที่ 9 ก.ค. โดยการพักเก็บภาษีดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเปิดทางให้การเจรจากับคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ ดำเนินไปได้ ซึ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทรัมป์ได้พุ่งเป้าโจมตีญี่ปุ่นเป็นพิเศษในประเด็นการค้า
ภายใต้มาตรการภาษีแบบตอบโต้ที่ทรัมป์เรียกว่า “Liberation Day” (วันแห่งการปลดปล่อย) ปัจจุบันญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภาษีที่เรียกเก็บเพิ่มอีก 14% ทำให้รวมแล้วเป็น 24%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ค. 68)