
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เดือนมิ.ย.68 อยู่ที่ระดับ 48.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 46.7 เดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ระดับ แต่หากพิจารณาโดยรวมทั้งไตรมาส 2/2568 ความเชื่อมั่นปรับลดลงจากภาคที่มิใช่การผลิตเป็นสำคัญ นำโดยกลุ่มโรงแรม และร้านอาหาร ที่ความเชื่อมั่นด้านปริมาณการให้บริการ และคำสั่งซื้อปรับลดลงมาก ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะสัญชาติจีน ที่ลดลงมากจากความกังวลด้านความปลอดภัย (safety concern)
รวมทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่ปรับลดลงมาก ส่วนหนึ่งจากความกังวลด้านรายได้ในอนาคต จากผลของ Reciprocal tariffs ทำให้ลูกค้าบางส่วน ชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นสัญญาณความเชื่อมั่นที่ปรับเพิ่มขึ้นบ้างในช่วงท้ายไตรมาส จากผลดีของมาตรการลดค่าโอน และจดจำนอง และการผ่อนคลายมาตรการ LTV ที่เริ่มบังคับใช้เดือน พ.ค.
ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคการผลิต ทรงตัวจากไตรมาสก่อน จากธุรกิจที่เกี่ยวกับการส่งออก เช่น กลุ่มผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ
ส่วนความเชื่อมั่นกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่ม ยังปรับลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านผลประกอบการ จากสินค้านำเข้าที่เข้ามาแข่งขันอย่างต่อเนื่อง (import flooding) และคาดว่าจะรุนแรงขึ้นอีก จากผลของ Reciprocal tariffs
โดยในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวม ในไตรมาส 2/2568 ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน จากภาคการผลิตที่ความเชื่อมั่นลดลงในเกือบทุกหมวด คาดว่าเป็นผลจากการสิ้นสุด grace-period ของการลด Reciprocal tariffs เหลือ 10% ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ยกเว้นกลุ่มผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น semiconductor และชิ้นส่วน server ที่อุปสงค์เติบโตดี และคาดว่าจะต่อเนื่องถึงปี 2569 ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ data center
เช่นเดียวกับภาคที่มิใช่การผลิต ที่ความเชื่อมั่นปรับลดลงในทุกหมวดธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร ที่ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าช่วง low season ในปีก่อน ๆ จากปัญหา safety concern ที่ยังไม่คลี่คลาย อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นเริ่มปรับเพิ่มขึ้นบ้าง จากโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ของภาครัฐ ที่ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ค. 68)