
รายงานผลการตรวจสอบล่าสุดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้สถานีไฟฟ้าย่อยที่ส่งผลให้สนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนของอังกฤษต้องหยุดให้บริการนานกว่า 18 ชั่วโมงเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เกิดจากข้อบกพร่องทางเทคนิคที่สามารถป้องกันได้ และเป็นปัญหาที่ตรวจพบมาตั้งแต่ 7 ปีก่อน แต่ไม่ได้รับการแก้ไข
ในช่วงแรก เจ้าหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้ายเข้าร่วมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ยุโรปกำลังเฝ้าระวังภัยคุกคามจากการก่อวินาศกรรมที่เชื่อมโยงกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ตัดประเด็นการก่อวินาศกรรมหรือการจงใจก่อเหตุออกไป รัฐบาลจึงได้สั่งให้มีการสอบสวนเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์บทเรียนด้านความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ โดยเฉพาะในด้านพลังงาน
รายงานจากสำนักงานผู้ดูแลระบบพลังงานแห่งชาติของอังกฤษ (NESO) ระบุว่า เคยมีการตรวจพบค่าความชื้นในน้ำมันสูงกว่าปกติในสถานีย่อยแห่งหนึ่งทางตะวันตกของลอนดอนตั้งแต่เดือนก.ค. 2561 ซึ่งชี้ว่าฉนวนไฟฟ้าภายในหม้อแปลงอาจเริ่มเสื่อมสภาพ แต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เรียกว่า “บุชชิ่ง” (bushing) จนกระทั่งเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเพลิงไหม้ดังกล่าว
เอ็ด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานอังกฤษ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบนี้น่ากังวลอย่างยิ่ง พร้อมกับเผยว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงาน Ofgem ได้เปิดฉากสอบสวนแล้วว่า National Grid Electricity Transmission ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการสถานีย่อยดังกล่าว ละเมิดข้อกำหนดในใบอนุญาตหรือไม่
ทั้งนี้ เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวส่งผลให้เที่ยวบินมากกว่า 1,300 เที่ยวต้องถูกยกเลิก กระทบผู้โดยสารกว่า 200,000 คน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ค. 68)