
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสขยับตัวขึ้นต่อ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่าการเจรจาการค้ากับเวียดนามได้ข้อสรุปแล้ว โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามที่ 20% หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยตั้งไว้สูงถึง 46% ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าการเจรจาของไทยจะมีมติใกล้เคียงกัน หรือประมาณ 18% ที่เคยคาดการณ์ไว้
รวมถึงสถานการณ์การเมืองไทยที่ยังประคับประคองไปได้ต่อ จากพรรคประชาชน (ปชน.) ที่ประกาศว่าจะสนับสนุนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่จะเป็นฝ่ายค้านต่อ ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐบาลใหม่ต้องเป็นรัฐบาลชั่วคราวเพื่อเตรียมการเลือกตั้งอีกครั้ง พร้อมกับเร่งจัดทำประชามติสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เร็วที่สุด ทำให้การเมืองในช่วงนี้ไม่เกิดภาวะสุญญากาศ และยังดำเนินการออกมาตรการภาครัฐและพิจารณางบประมาณปี 69 ได้ตามปกติ
และดัชนีคาดว่าจะมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 3% หลังอิหร่านประกาศว่าจะระงับความร่วมมือกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ขององค์การสหประชาชาติ (UN)
แนวโน้มในวันนี้ให้ติดตามการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ต่อไป โดยให้กรอบแนวรับ 1,110 จุด และแนวต้าน 1,120 – 1,125 โดยถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ ให้แนวต้านถัดไป 1,140 – 1,145 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (2 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,484.42 จุด ลดลง 10.52 จุด หรือ -0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,227.42 จุด เพิ่มขึ้น 29.41 จุด หรือ +0.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,393.13 จุด เพิ่มขึ้น 190.24 จุด หรือ +0.94%
– ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,796.75 จุด เพิ่มขึ้น 34.27 จุด หรือ +0.09% ดัชนีฮั่งเส็งฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,234.28 จุด เพิ่มขึ้น 12.87 จุด หรือ +0.05% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,456.15 จุด เพิ่มขึ้น 1.36 จุด หรือ +0.04%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ก.ค.) 1,115.69 จุด เพิ่มขึ้น 5.68 จุด (+0.51%) มูลค่าซื้อขาย 34,958.34 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (2 ก.ค.) 677.97 ล้านบาท
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. (2 ก.ค.)เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 3.06% ปิดที่ 67.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ก.ค.) อยู่ที่ 5.34 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.35 แนวโน้มผันผวน จับตาการเมืองในปท.-ตัวเลขศก.สหรัฐ-เจรจาภาษี”ทรัมป์”
– “ไทย” ลุ้นระทึกเจรจาสหรัฐก่อนเส้นตาย 9 ก.ค.นี้ “พิชัย” หารือยูเอสทีอาร์เป็นทางการครั้งแรกพร้อมยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ประเทศ หวังสหรัฐต่อเวลาผ่อนปรนบังคับใช้ภาษี กกร.หวั่นภาษีทรัมป์ฉุดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังห่วงไทยปิดดีลสหรัฐไม่ทันกระทบการค้า กังวลปัญหาสวมสินค้าไทยส่งออกไปสหรัฐ นัด 4 หน่วยงานเศรษฐกิจหารือรับมือครึ่งปีหลัง
– ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ห่วงเศรษฐกิจไทยทรุดจากบาทแข็งเกินพื้นฐานเศรษฐกิจ แนะแบงก์ชาติเร่งลด “ดอกเบี้ยนโยบาย” และดูแลทิศทางค่าเงิน พร้อมกล่าวในฐานะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงก์กรุงไทย (KTB) ยันคงถือหุ้น KTC ในสัดส่วน 49.29% ส่วนราคาหุ้นผันผวนเป็นเพียงแรงกดดันจากกลไกตลาด ไม่เกี่ยวกับพื้นฐานบริษัทฯ ลั่น! พร้อมลุยเวอร์ชวลแบงก์เต็มสูบ ส่วนสินเชื่อปีนี้อาจเติบโตฝืดหรือทรงตัว
– ศาลปกครองสูงสุด สั่งศาลชั้นต้นรับคำฟ้องคดีกสทช.ละเลยควบคุม OTT มีโฆษณาคั่นเอาเปรียบผู้ใช้บริการ ชี้ชัดการให้บริการโทรทัศน์แบบ OTT เป็นกิจการที่จัดอยู่ในนิยามของ “กิจการโทรทัศน์” ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ฟ
– สัญญาณเตือน “ธุรกิจรายใหญ่” กำลังเผชิญความเสี่ยงเพิ่ม รายได้ลด-หนี้สินต่ออีบิทด้าพุ่ง หลังเศรษฐกิจเปราะบาง “ทีทีบี” มองผลประกอบการ บจ.ใหญ่ชะลอตัวส่งผลเห็นปัญหาชัดขึ้น “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ชี้สินเชื่อรายใหญ่ใกล้ติดลบ “ซีไอเอ็มบีไทย” หวั่นเศรษฐกิจทรุดธุรกิจยิ่งแย่ “บล.เอเซีย พลัส” ชี้ตลาดกังวล “โรลโอเวอร์หุ้นกู้ บจ.ใหญ่” เหตุเสี่ยงเพิ่ม ย้ำยังไม่ถึงขั้นวิกฤติหุ้นกู้ดีฟอลต์
– ผู้ว่าการ ททท.ขอโทษผู้ลงทะเบียนจองสิทธิ์โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” หลังมีปัญหา “แอปฯ ล่ม” ตั้งแต่นาทีแรกที่เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อเช้าวันที่ 1 ก.ค. แจงอยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงระบบให้กลับมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพเร็วที่สุด เผยประชาชนทั่วไปลงทะเบียนสำเร็จ 373,638 ราย จองที่พักและชำระเงินเพื่อใช้สิทธิ์แล้ว 862 สิทธิ์ มีสิทธิ์คงเหลือ 499,138 สิทธิ์ ขณะที่บริษัท ราเวนเชอร์ จำกัด ผู้พัฒนาระบบ เผยมีประสบการณ์โครงการใหญ่ของรัฐทั้งหมอพร้อมและคนละครึ่งมาแล้ว
หุ้นเด่นวันนี้
– TOP (ฟินันเซีย ไซรัส)”เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 29.59 บาท ระยะสั้นคาดได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาปรับตัวขึ้นราว 3% หลังอิหร่านระงับความร่วมมือกับหน่วยงานตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ของ UN รวมถึงตอบรับการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-เวียดนาม ตลาดประเมินกำไรไตรมาส 2/68 ของ TOP จะออกมาแข็งแกร่งมากจากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง และปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่องที่เหนือ US$5 ต่อบาร์เรล ราคาหุ้นเทรด PBV ต่ำเพียง 0.35 เท่าและให้ Dividend Yield ราว 7%
– SAPPE (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 35.00 บาท ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวและผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวน้ำหอม เราคาดยอดขายไตรมาส 3/68 ในยุโรปจะดีขึ้น จากคลื่นความร้อนที่คาดว่าจะมีส่วนช่วยให้การบริโภคน้ำผลไม้มากขึ้น ขณะที่ต้นทุนมะพร้าวน้ำหอมหน้าสวนและราคาน้ำตาลซึ่งเป็นต้นทุนหลักมีแนวโน้มลดลงซึ่งเป็นผลดีต่อ Gross Margin IAA consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 986 ลบ. -21%YoY แต่ SAPPE ยังคงให้ปันผลดีมี dividend yield 7% และมีโครงการซื้อหุ้นคืน 5 ล้านหุ้น ระหว่าง 20 มิ.ย.-19 ธ.ค.68 อีกด้วย
– MONO (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.69 บาท เปิดเผยค่าบริการรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีค และเอฟเอคัพ ในราคาเพียง 299 บาทต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าที่ตลาดคาด ถือเป็นโมเมนตัมเชิงบวกต่อ MONO ที่มีโอกาสได้จำนวนสมาชิกมากขึ้น โดยเราคาดเป้าที่ 3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 2 ล้านคน ในขณะที่ MONO ยังได้ส่วนแบ่งค่าถ่ายทอด 50 บาท/สมาชิก/เดือน เช่นเดิม ปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าขึ้น +85% และ +90% ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 68)