
KFF Health News รายงานในวันพุธ (2 ก.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และเท็กซัสของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความเป็นจริงที่น่ากังวล หลังจำนวนผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าโรคที่มียุงเป็นพาหะนี้อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในชุมชน
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกรายใหม่ในสหรัฐฯ ราว 3,700 รายในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 2,050 รายในปี 2566 โดยในจำนวนนี้มี 105 รายที่เป็นการติดเชื้อภายในประเทศในรัฐแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา หรือเท็กซัส ไม่ใช่จากการเดินทางไปต่างประเทศ
แคลิฟอร์เนียมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกรายใหม่ 725 ราย ซึ่งรวมถึง 18 รายที่ติดเชื้อภายในประเทศ โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากประมาณ 250 รายในปี 2566 และในจำนวนนี้มีเพียง 2 รายที่ติดเชื้อภายในประเทศ
ทั้งนี้ โรคไข้เลือดออกแพร่ระบาดโดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค โดยเมื่อ 25 ปีก่อนยังไม่พบว่ามียุงลายบ้าน (Aedes aegypti) และยุงลายสวน (Aedes albopictus) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ปัจจุบันพบได้ใน 25 เคาน์ตี และกว่า 400 เมืองและชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในแถบแคลิฟอร์เนียตอนใต้และเซ็นทรัลแวลลีย์
ไมเคิล เบน-อาเดเรต รองผู้อำนวยการแพทย์ฝ่ายระบาดวิทยาของโรงพยาบาลแห่งศูนย์การแพทย์ซีดาร์ส-ซีนายในลอสแอนเจลิส ระบุว่า เขาเชื่อว่าโรคไข้เลือดออกได้กลายเป็น “ความปกติรูปแบบใหม่” (new normal) ของสหรัฐฯ แล้ว พร้อมเน้นย้ำว่าประชากรยุงพาหะจะยังคงแพร่พันธุ์ต่อไป
เขากล่าวเสริมว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีส่วนผลักดันให้จำนวนประชากรยุงเพิ่มขึ้น เนื่องจากยุงชนิดนี้สามารถอยู่รอดได้ดีที่สุดในเขตเมืองที่มีอากาศอบอุ่น และมักออกหากินในช่วงเวลากลางวัน
ทั้งนี้ CDC ได้ออกประกาศเตือนภัยสุขภาพตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยเตือนถึงความเสี่ยงจากการติดเชื้อไข้เลือดออกที่ยังคงดำเนินอยู่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 68)