
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า การที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) มีรัฐมนตรีคนใหม่ คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย เชื่อว่าไม่มีปัญหาความต่อเนื่อง เพราะกทม.และกระทรวงมหาดไทยมีการประสานกันอยู่ตลอด
ส่วนตอนนี้มีเรื่องที่ค้างที่มท. อยู่ทั้งหมด 3 เรื่อง คือเรื่องสะพานเกียกกาย และทำเขื่อนริมน้ำอีก 2 เรื่อง และอาจจะมีโครงการในปี 69 คือการทำอุโมงค์ระบายน้ำ ซึ่งจะมีการแบ่งงบประมาณกัน 50 ต่อ 50
“ในส่วนที่เชื่อมโยงกับมหาดไทย คือเรื่องการของบประมาณที่มีการแบ่งกัน เช่น รัฐบาลช่วยซัพพอร์ต 50% กทม. 50% ก็จะมีโครงการที่ค้างอยู่ เช่น สะพานเกียกกาย ซึ่งต้องขออนุมัติจากรัฐมนตรี เพราะว่าโครงการที่รัฐบาลช่วยเงินมาต้องผ่านการอนุมัติจากมท. ทั้งในแง่ของการจัดซื้อจัดจ้างและอนุมัติตัวผู้รับจ้าง” นายชัชชาติ กล่าว
ส่วนเรื่องนโยบายของรัฐบาลที่มีผลกับกทม. เช่น โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดเส้นทาง ซึ่งเรื่องนี้จะมีผลต่อการใช้งบประมาณของเราเหมือนกัน เช่น รัฐบาลบอกว่าให้เก็บ 20 บาท ก็จะมีผลกับ BTS ซึ่งมีสัมปทานของเอกชนอยู่และมีของเราที่วิ่งเองด้วย ในกรณีที่เป็นนโยบายรัฐบาลก็อยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เพราะงบประมาณเราเองคงไม่พอที่จะปฏิบัติตามนโยบายทุกอย่าง ก็ได้แจ้งไปแล้วและคงต้องมีการประสานกันต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องประสานกัน คือเรื่องปัญหาที่เป็นเรื่องเชิงบูรณาการ เช่น คนไร้บ้าน ขอทานต่างชาติ ซึ่งต้องประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่แค่กระทรวงมหาดไทยด้วย เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตำรวจ อย่างไรก็ตาม มหาดไทยอาจเป็นตัวกลางที่ส่งเรื่องเข้าสู่รัฐบาลใหญ่และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องได้
“ตั้งแต่เป็นผู้ว่าฯ กทม. มา เรามีนายกรัฐมนตรี 3 ท่านแล้ว ตั้งแต่ท่านประยุทธ์ ท่านเศรษฐา ท่านแพทองธาร และผู้รักษาการในขณะนี้ ซึ่งกทม. เราไม่มีปัญหาเลย เราประสานงานได้กับทุกหน่วยงาน เพราะเราเป็นแค่หน่วยเล็ก ๆ ที่อยู่ในมหาดไทยเท่านั้นเอง ยินดีจะสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลทุกอย่าง และรัฐบาลที่ผ่านมาก็สนับสนุนกทม. ได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร” นายชัชชาติ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ค. 68)