
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าอิหร่านยังไม่ได้ยินยอมให้มีการตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ของตน และไม่ยอมเลิกกระบวนการเสริมสมรรถภาพยูเรเนียม โดยทรัมป์ระบุว่า แม้โครงการดังกล่าวอาจกลับมาเริ่มใหม่ในที่อื่น แต่อิหร่านได้รับความเสียหายอย่างถาวรไปแล้ว
ทรัมป์กล่าวบนเครื่องบิน Air Force One ระหว่างเดินทางไปยังรัฐนิวเจอร์ซีย์ หลังจากเข้าร่วมงานฉลองวันชาติสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว พร้อมระบุว่าจะหารือเรื่องอิหร่านกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลในวันจันทร์นี้ (7 ก.ค.) เมื่อผู้นำอิสราเอลเดินทางมาเยือนวอชิงตัน
ในขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกยังดำเนินอยู่ สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เปิดเผยว่าได้ถอนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบชุดสุดท้ายออกจากอิหร่านแล้ว หลังเกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับความปลอดภัยของสถานที่นิวเคลียร์ ซึ่งถูกโจมตีโดยสหรัฐฯ และอิสราเอล
ทางการอิหร่านยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนมีเป้าหมายเพื่อสันติ แต่ถูกกล่าวหาจากสหรัฐฯ และอิสราเอลว่ากำลังเสริมสมรรถภาพยูเรเนียมเพื่อผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งนี้ อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางทหารต่อแหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อสามสัปดาห์ก่อน ในช่วงสงครามที่กินเวลานาน 12 วัน
ราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการ IAEA ระบุว่า การกลับไปตรวจสอบเป็นภารกิจสำคัญที่สุดขององค์กร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากรัฐสภาอิหร่านได้ผ่านกฎหมายระงับความร่วมมือกับ IAEA ชั่วคราว จนกว่าจะมั่นใจว่าสถานที่นิวเคลียร์จะปลอดภัย
อิหร่านยังได้ออกมากล่าวหาว่า IAEA มีส่วนทำให้เกิดการโจมตี ด้วยการเผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ระบุว่า อิหร่านละเมิดพันธกรณีการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งนำไปสู่การมีมติจากคณะกรรมการผู้ว่าการ IAEA จำนวน 35 ประเทศ
แม้การโจมตีของสหรัฐฯ และอิสราเอลจะสร้างความเสียหายแก่สถานที่เสริมสมรรถภาพยูเรเนียมของอิหร่านถึง 3 แห่ง แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่ายูเรเนียมเสริมสมรรถภาพเกือบ 9 ตันของอิหร่าน รวมถึงกว่า 400 กิโลกรัมที่ผ่านการเสริมสมรรถภาพถึง 60% ซึ่งใกล้เคียงระดับที่ใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์นั้น ได้รับผลกระทบหรือถูกย้ายไปที่ใดบ้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ค. 68)