
นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ ตลาดยังถูกกดดันจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐ ซึ่งล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และยา 200% แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยใหม่ แนะติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/68 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายอาจเบาบางเนื่องจากนักลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวัง และคาบเกี่ยวช่วงเข้าสู่วันหยุดในวันพรุ่งนี้ โดยให้กรอบแนวรับ 1,110 จุด แนวรับถัดไป 1,100 จุด และแนวต้าน 1,130 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ โดยตลาดยังถูกดันจากความกังวลด้านภาษีการค้า ทำให้นักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนอยู่ โดยล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และอาจเก็บภาษีนำเข้ายาในอัตรา 200% อย่างไรก็ตามยังไม่ระบุวันที่มาตรการดังกล่าวจะมีผลยังคับใช้ ทำให้บรรยากาศการลงทุนยังไม่ค่อยดี และยังมีความไม่แน่นอนทางการค้า
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยใหม่ โดยเมื่อวานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นแรงกระตุ้นเก็งกำไรในหุ้นบางตัวได้ รวมทั้งเห็นชอบ ถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ลดแรงกดดันด้านการเมือง
โดยแนะติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/68 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นกลุ่มธนาคาร รวมทั้งรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายวันนี้อาจซบเซา เนื่องจากนักลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวัง และเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดในวันพรุ่งนี้อาจทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน สังเกตจากเมื่อวานนี้มูลค่าการซื้อขายหลุดระดับ 30,000 ล้านบาท
พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,110 จุด แนวรับถัดไป 1,100 จุด และแนวต้าน 1,130 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,240.76 จุด ลดลง 165.60 จุด หรือ -0.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,225.52 จุด ลดลง 4.46 จุด หรือ -0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,418.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.95 จุด หรือ +0.03%
– ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,942.80 จุด เพิ่มขึ้น 253.99 จุด หรือ +0.64%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,061.08 จุด ลดลง 86.99 จุด หรือ -0.36% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,498.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด หรือ +0.03%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ก.ค.) 1,115.65 จุด ลดลง 7.35 จุด (-0.65%) มูลค่าซื้อขาย 29,535.64 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (8 ก.ค.) 153.65 ล้านบาท
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. (8 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.59% ปิดที่ 68.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ก.ค.) อยู่ที่ 4.65 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.58 อ่อนค่าสอดคล้องภูมิภาค จับตาความไม่แน่นอนภาษี “ทรัมป์”
– ครม.ไฟเขียวนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท เปิดให้บริการ 1 ต.ค.2568 ทุกสี-ทุกเส้นทาง ระยะทางรวม 286.84 กิโลเมตร 193 สถานี เปิดให้ลงทะเบียนใช้ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” เดือน ส.ค.นี้
– พิชัย” มั่นใจสหรัฐจะ ลดภาษีไทยลงอีกจาก 36% เตรียมแผนสำรองรับมือ ด้าน “พาณิชย์” เตรียมถกเอกชนรายเซกเตอร์ชี้โครงสร้างส่งออกอาจเปลี่ยน “ดับบลิวเอชเอ” เร่งสำรวจลูกค้ายันส่วนใหญ่ไม่กระทบ หวังรัฐเจรจาทัน 1 ส.ค. “ส.อ.ท.” คาดส่งออกเสียหาย 9 แสนล้าน “สรท.” มองส่งออกครึ่งปีหลังติดลบหากเจรจาไม่สำเร็จ “เคเคพี” คาดกระทบ “จีดีพีไทย” ราว 0.5% “เฟสโก้” เปิด 3 ทางเลือกสู้เวียดนาม-มาเลย์ฯ
– รัฐบาลยันไร้สัญญาณทำงบประมาณ ปี 69 ใหม่ แต่จะใช้วิธีเกลี่ยงบมารองรับวิกฤติจากภาษีทรัมป์ คาดได้สูงสุดประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ตั้งเป็นงบฯกลาง ชี้กรณีเดียวที่รื้องบทั้งฉบับได้คือยุบสภาฯมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งการทำงบใหม่จะใช้เวลามากต้องเริ่มจากปรับแผนการคลังระยะปานกลาง และงบฯใหม่ปี 69 จะได้น้อยกว่าเดิมเพราะสมมุติฐานเศรษฐกิจเปลี่ยน
– นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งว่า ภายหลังจาก
ที่สั่งการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปิดการลงทะเบียนเนื่องจากระบบมีปัญหา ยืนยันว่าภายใน 1-2 วันนี้ ประชาชนจะสามารถลงทะเบียนได้ใหม่อีกครั้ง โดยยังคงเป็นเว็บไซต์เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com หรือเข้าผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Amazing Thailand เมื่อจะจองสิทธิ์และจ่ายเงิน ขอให้แสดงตัวตนในแอปพลิเคชัน ThaID ก่อน และเมื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยว ก็ขอให้ไปยืนยันหน้างานอีกครั้ง
– ท่องเที่ยวไทยปี 2568 โตแผ่ว ครึ่งปีแรกต่างชาติเที่ยวไทยยังติดลบ 5% ฉายแววหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี พลาดเป้าหมาย 39 ล้านคน เหลือไม่เกิน 35 ล้านคน จากปัญหาโครงสร้างของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจีนร่วงหนัก เที่ยวไทยต่ำกว่า 5 ล้านคนในรอบ 12 ปี ซ้ำเติมด้วยวิกฤตเศรษฐกิจโลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ แม้ทัวริสต์ยุโรป เอเชียใต้ จะปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ทดแทนไม่ได้
*หุ้นเด่นวันนี้
– CPN (กสิกรไทย) ราคาเป้าหมาย 65 บาท มองบวกต่อรายได้ที่เสถียรโดย 90% มาจากพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า กลุ่มพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าโตแกร่ง รายได้ไตรมาส 1/68 เพิ่มขึ้น 9% YoY มากกว่าเป้าที่บริษัทตั้งไว้โต 5% ปี 68 ด้วยแรงขับเคลื่อนหลักอัตราค่าเช่าเพิ่ม 2-3% และสัดส่วนกำไรศูนย์การค้าเปิดใหม่นครสวรรค์และนครปฐม รายได้บริหารพื้นที่ส่วนกลางโตขึ้นดีเช่นกัน GPM สูงเป็นประวัติการณ์ 60% แนวโน้ม”ดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค”เปิดส.ค.68 ขายโซนที่อยู่อาศัยไปแล้ว 80% บ่งชี้การเริ่มต้นแข็งแกร่งไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุน นอกจากนี้ CPN ยังมีอีกหลายโครงการใหญ่ทยอยเปิดตัวตลอดปี 70 ทั้งสีลม กระบี่ ขอนแก่น รัตนาธิเบศร์ พหลโยธิน สยามสแควร์และพระราม 9 ช่วยขับเคลื่อนกำไร ราคาหุ้นซื้อขายด้วย PE ปี 69 สูง 11 เท่า และ PBV ปี 69 ที่ 1.7 เท่า อัตราตอบแทนเงินปันผลราว 5%
– MINT (พาย) ซื้อ ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท ไตรมาส2/68 กำไรปกติจะเติบโตสูง QoQ และมีโอกาสเติบโต YoY หนุนจาก 1) แนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม ด้วยยอดการจองล่วงหน้าตั้งแต่เดือนเมษายนอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะในโซนยุโรปที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหนุน RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 2) โรงแรมในประเทศไทยได้รับอานิสงค์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ทั้งอัตราการเข้าพัก และ RevPar อยู่ในเกณฑ์ดี และ 3) คาดรายได้ธุรกิจร้านอาหารจะฟื้นกลับมาทรงตัว YoY ด้วยยอดขายไอศกรีมมะม่วงเมนูฤดูกาลยอดนิยมที่เลื่อนเปิดการขายจากไตรมาส 1/68 มาในไตรมาส2/67 เนื่องจากสภาพอากาศต้นปีที่หนาวยาวนานกว่าปีก่อน
– NEO (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 49.50 บาท เบื้องต้นประเมินกำไรไตรมาส 2/68 จะยังทรงตัว QoQ และ YoY ได้ แม้จะยังมีแรงกดดันจากต้นทุน CPO และ CPKO ในระดับสูง แต่ชดเชยได้จากรายได้คาดโตแข็งแกร่ง ธุรกิจมีความเสี่ยงต่ำจากผลกระทบของภาษีทรัมป์ เนื่องจากส่วนใหญ่ขายในประเทศและส่งออกในภูมิภาคบ้าง ขณะที่ตัวสินค้าเป็นสินค้าจำเป็น ราคาหุ้นมี Downside จำกัด โดยเทรด PER เพียง 8 เท่าและคาดให้ Dividend Yield 5% ต่อปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ค. 68)