
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (10 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่สดใส รวมทั้งผลประกอบการที่ดีเกินคาดของเดลตา แอร์ไลน์ส (Delta Air Lines) และความแข็งแกร่งของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองข้ามข่าวการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
- ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,650.64 จุด เพิ่มขึ้น 192.34 จุด หรือ +0.43%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,280.46 จุด เพิ่มขึ้น 17.20 จุด หรือ +0.27% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,630.66 จุด เพิ่มขึ้น 19.33 จุด หรือ +0.09%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 235,000 ราย
หุ้นเดลตา แอร์ไลน์ส ทะยานขึ้น 12% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรในไตรมาส 3 และกำไรตลอดปีงบการเงิน 2568 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท
หุ้นสายการบินรายอื่น ๆ พุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส (United Airlines) ดีดตัวขึ้น 14.3% และหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส (American Airlines) พุ่งขึ้น 12.7% ส่วนหุ้นกลุ่มขนส่งในดัชนีดาวโจนส์ (Dow Transportation Index) ซึ่งเป็นมาตรวัดภาวะเศรษฐกิจ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.พ.ปีนี้
นักวิเคราะห์จากบริษัท Janney Montgomery Scott กล่าวว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของเดลตาและการชะลอตัวของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน และทำให้นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนเริ่มมองข้ามความเป็นไปได้ที่มาตรการภาษีศุลกากรจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน จนกว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากมาตรการนี้
สำหรับมาตรการล่าสุดนั้น ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. นอกจากนี้ เขายังประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากอีก 8 ประเทศ โดยเรียกเก็บภาษี 30% จากแอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย และศรีลังกา, 25% จากบรูไนและมอลโดวา, 20% จากฟิลิปปินส์ และ 50% จากบราซิล โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.เช่นกัน
หุ้นอินวิเดีย ปรับตัวขึ้น 0.75% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของอินวิเดียปิดตลาดทะยานขึ้นแตะระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่รายอื่น ๆ ปรับตัวผันผวน โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ (Netflix), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเมตา (Meta) ต่างก็ปรับตัวลง แต่หุ้นเทสลา (Tesla) พุ่งขึ้น 4.7% หลังจากบริษัทประกาศว่าการประชุมผู้ถือหุ้นรายปีจะมีขึ้นในเดือนพ.ย. โดยก่อนหน้านี้กลุ่มนักลงทุนได้พยายามเรียกร้องให้เทสลากำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้น โดยอ้างถึงข้อผูกพันทางกฎหมาย
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมเฟดประจำเดือนมิ.ย.ในวันพุธ (9 ก.ค.) โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากคาดว่าผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่มีต่อเงินเฟ้อนั้นจะไม่มากนักและเป็นผลกระทบชั่วคราว อย่างไรก็ตาม มีกรรมการเฟดเพียงไม่กี่คนที่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนไม่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค. แต่ให้น้ำหนัก 64% ต่อการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ค. 68)