บราซิลไม่ง้อสหรัฐฯ พร้อมหาคู่ค้าใหม่หลังโดนขู่เก็บภาษี 50%

ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิลตอบโต้ต่อคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากบราซิล 50% ซึ่งปธน.ลูลาระบุว่า บราซิลสามารถอยู่รอดได้หากไม่มีการค้ากับสหรัฐฯ และจะมองหาคู่ค้ารายใหม่หากจำเป็น โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ก.ค.) ว่า “เราจะมองหาประเทศอื่นมาซื้อสินค้าของเรา การค้ากับสหรัฐฯ คิดเป็นเพียง 1.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของบราซิล … ไม่ใช่ว่าเราจะอยู่ไม่ได้ หากไม่มีสหรัฐฯ”

ปธน.ลูลายังคงเรียกร้องให้ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าระหว่างประเทศในการประชุมสุดยอดของกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่เมืองริโอเดอจาเนโรเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเขาได้กระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ พิจารณาใช้สกุลเงินอื่นเพื่อทำธุรกิจระดับโลก ซึ่งเขากล่าวว่า “เราสนใจที่จะสร้างสกุลเงินทางการค้ากับประเทศอื่น ๆ ผมไม่จำเป็นต้องใช้เงินดอลลาร์เพื่อค้าขายกับเวเนซุเอลา โบลิเวีย ชิลี สวีเดน สหภาพยุโรป (EU) หรือจีน เราสามารถใช้สกุลเงินของแต่ละประเทศได้”

ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธ (9 ก.ค.) ว่า จะกำหนดภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าของบราซิลในจดหมาย โดยสหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของบราซิลรองจากจีน ซึ่งอัตราภาษีใหม่อาจทำให้การนำเข้าสินค้าของบราซิลสู่สหรัฐฯ ลดลง 60% แม้ว่าบราซิลสามารถส่งออกไปยังตลาดอื่นแทนได้บางส่วนก็ตาม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ค. 68)