CPF บวกรับแรงซื้อกลับ โบรกเก็งงบ Q2/68 กำไรพุ่งทุบสถิติ แม้ครึ่งปีหลังอาจไม่น่าตื่นเต้น

หุ้น CPF บวก 1.85% มาอยู่ที่ 22.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 174.80 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.28 น. โดยเปิดตลาดที่ 21.70 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 22.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 21.70 บาท

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) คาดว่า บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร [CPF] จะรายงานกำไรสุทธิแข็งแกร่งในไตรมาส 2/68 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% QoQ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่แข็งแกร่งทั้งจากตลาดในประเทศและเวียดนาม ควบคู่การกับการลดลงของต้นทุนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าการเติบโตของกำไรหลักในครึ่งปีหลัง และปี 69 จะไม่น่าตื่นเต้น เนื่องจากแนวโน้มราคาหมูอ่อนตัวจากอุปทานที่ทยอยฟื้นตัว และขาดมาตรการกระตุ้นการบริโภค ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ราคาเป้าหมาย 21 บาท

ปัจจัยสำคัญที่หนุนผลงานไตรมาส 2/68 คือราคาหมูที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาหมูในประเทศทรงตัวที่ 88-90 บาท/กก. (+30% YoY, +11% QoQ) เช่นเดียวกันกับราคาหมูในเวียดนามทรงตัวอยู่ที่ 67,500-68,000 ดอง/กก. (+7% YoY, +3% QoQ) ในทางตรงข้าม ราคาหมูในจีนยังอ่อนแอที่ 14.7 หยวน/กก. (-9% YoY, -9% QoQ) เนื่องจากอุปกทานล้นตลาด

นอกจากนั้น บริษัทยังคงได้รับประโยชน์จากแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบต่ำในไตรมาส 2/68 โดยเฉพาะกากถั่วเหลืองซึ่งมีรายงานราคาเฉลี่ยที่ 16.4 บาท/กก. (-24% YoY, -4% QoQ) จึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

แต่คาดว่าราคาหมูในประเทศและเวียดนามจะอ่อนตัวลงในครึ่งปีหลัง แต่ยังคงสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยต้นเดือน ก.ค.68 ราคาปรับลดลง -11.7% QTD มาอยู่ที่ 78 บาท/กก.จากราว 88.3 บาท/กก.ในไตรมาส 2/68 เช่นเดียวกับราคาหมูในเวียดนามอ่อนตัวลงมาที่ 66,000 ดอง/กก. หรือลดลง 2.2% QTD ขณะที่ราคาหมูในจีนยังคงอยู่นในระดับราคาค่อนข้างต่ำ

เราคาดว่า Sentiment ของตลาดจะมีความระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากคาดว่าจะมีการผันผวนของราคาหมูในประเทศ คาดว่ามีแนวโน้มชะลอตัวลง ปัจจัยจากฤดูฝน อุปทานทยอยฟื้นตัว และการใช้จ่ายของผู้บริโภคอ่อนตัวลง

ขณะที่การเจรจากับสหรัฐที่อาจมีการอนุมัติให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อาจเป็นประโยชน์ต่อการปศุสัตว์เพราะราคาถูกว่าข้าวโพดในประเทศประมาณ 5-8% แต่แนวโน้มการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐอาจเป็นภัยคุกคามสำคัญต่ออุตสาหกรรมสุกรในประเทศไทยที่ยังจะต้องจับตาประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 68)