สหรัฐฯ จ่อเก็บค่าวีซ่าเพิ่มอีก 250 ดอลลาร์ นักท่องเที่ยวไทยจ่ายอ่วมกว่า 14,000 บาท

รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเพิ่มค่าธรรมเนียมวีซ่า โดยผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ ในประเภทวีซ่าชั่วคราวต้องเสียค่า Visa Integrity Fee เพิ่มอีก 250 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,000 บาท ซึ่งเป็นผลจากกฎหมายใหม่ที่ลงนามบังคับใช้เมื่อไม่นานมานี้

กฎหมายใหม่ระบุว่า ค่าธรรมเนียมนี้จะใช้กับชาวต่างชาติทุกคนที่ได้รับการออกวีซ่าชั่วคราว ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ยื่นขอวีซ่าชั่วคราวทุกประเภทที่จำเป็นต้องมีวีซ่าเพื่อเข้าสหรัฐฯ รวมถึงประเภท B1/B2 (ท่องเที่ยว/ธุรกิจ) จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก 250 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่รวมค่าธรรมเนียมวีซ่าที่เรียกเก็บอยู่เดิม

สำหรับพลเมืองไทยนั้น หากสหรัฐฯ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก 250 ดอลลาร์ เท่ากับว่าคนไทยที่สมัครขอวีซ่า B1/B2 อาจต้องจ่ายเงินมากถึง 435 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 14,000 บาท เมื่อรวมกับค่าธรรมเนียม 185 ดอลลาร์ที่เรียกเก็บอยู่เดิม

ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเพิ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย “One Big Beautiful Bill Act” ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา

เงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บได้นี้จะถูกนำส่งเข้ากองทุนทั่วไปของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ โดยยังไม่มีการประกาศวันเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อสหรัฐฯ เริ่มปีงบประมาณใหม่ในวันที่ 1 ต.ค. 2568

คนในวงการท่องเที่ยวแสดงความกังวลว่า ค่าธรรมเนียมใหม่นี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอยู่แล้วในปีนี้ โดยมองว่า การขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเปรียบได้กับการตั้งกำแพงภาษี (tariff) นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำกลับไปลงทุนเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การท่องเที่ยว มีแต่จะบั่นทอนการเดินทางเข้ามา ซ้ำเติมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดิมทีก็ลังเลที่จะมาเที่ยวสหรัฐฯ อยู่แล้ว

แม้ค่าธรรมเนียม Visa Integrity Fee ไม่มีการยกเว้นหรือลดหย่อน แต่สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิอาจพิจารณาคืนเงินให้กับผู้ที่เดินทางมาเยือน หากปฏิบัติตามเงื่อนไขวีซ่าอย่างครบถ้วน โดยเดินทางออกจากสหรัฐฯ ทันทีเมื่อระยะเวลาอนุญาตวีซ่าสิ้นสุดลง หรือได้รับการขยายสถานะชั่วคราว หรือเปลี่ยนแปลงสถานะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรตามกฎหมาย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 68)