
คิม จอง-กวาน รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่ของเกาหลีใต้ กล่าวในวันนี้ (21 ก.ค.) ว่า เกาหลีใต้จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยมุ่งมั่นที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติ ขณะที่เหลือเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ในการเจรจากับรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.
คิม จอง-กวาน กล่าวว่า เกาหลีใต้กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตที่ร้ายแรง โดยทุกความเป็นไปได้อาจเกิดขึ้นในการเจรจาด้านภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ พร้อมกับกล่าวว่าขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังปรับกลยุทธ์การเจรจา ภายใต้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และจะทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อให้การเจรจาการค้าสำเร็จลุล่วงด้วยดี
นอกจากนี้ เขากล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมตระหนักถึงข้อกังวลที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาภาษี และเมื่อพิจารณาถึงความอ่อนไหวเหล่านี้อย่างรอบคอบแล้ว ทางกระทรวงจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมฉุกเฉินว่าด้วยกลยุทธ์การเจรจาการค้ากับรัฐบาลทรัมป์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากองค์กรธุรกิจสำคัญและผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
รายงานระบุว่า กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้ กำลังเผชิญกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากอุตสาหกรรมเกษตรและปศุสัตว์ในประเทศ หลังจากที่ยอ ฮัน-คู รัฐมนตรีการค้า กล่าวว่า เมื่อพิจารณาในเชิงกลยุทธ์แล้ว เกาหลีใต้อาจต้องมีการแลกเปลี่ยนบางอย่างในภาคการเกษตรเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมมากขึ้นกับสหรัฐฯ ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรเรียกร้องให้ยอ ฮัน-คู ลาออก โดยขู่ว่าทางกลุ่มจะดำเนินการร่วมกันหากรัฐบาลตกลงที่จะเปิดตลาดเกษตรปศุสัตว์ของเกาหลีใต้เพิ่มเติมเพื่อเป็นเครื่องต่อรองในการเจรจาการค้า
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเกษตรและปศุสัตว์ได้กลายเป็นหนึ่งในประเด็นที่อ่อนไหวที่สุดในการเจรจาภาษีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ กำลังกดดันให้เกาหลีใต้ยกเลิกมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐฯ ต้องการให้เกาหลีใต้ยุติการห้ามนำเข้าเนื้อวัวอเมริกันจากวัวที่มีอายุ 30 เดือนขึ้นไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีการบังคับใช้เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับโรควัวบ้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 68)