
กระทรวงกลาโหมจีนประกาศว่า จีนและเวียดนามเตรียมจัดการฝึกซ้อมร่วมระหว่างกองทัพของสองประเทศเป็นครั้งแรก โดยจะจัดขึ้นภายในเดือนนี้ที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเวียดนาม นับเป็นการส่งสัญญาณความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในขณะที่ทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านต่างกำลังรับมือกับนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา
กระทรวงกลาโหมจีนระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์เมื่อวันอาทิตย์ (20 ก.ค.) ว่า “นี่เป็นการฝึกซ้อมร่วมครั้งแรกระหว่างกองทัพจีนและเวียดนาม ภายใต้ธีม ‘การฝึกลาดตระเวนร่วมชายแดน’ ” พร้อมเสริมว่า การฝึกซ้อมนี้จะ “กระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างกองทัพของสองประเทศให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น” โดยที่ผ่านมา จีนและเวียดนามเคยลาดตระเวนร่วมทางทะเลมาแล้ว แต่การฝึกซ้อมที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนนี้จะถือเป็นการฝึกซ้อมในรูปแบบดังกล่าวเป็นครั้งแรกระหว่างกองทัพของสองประเทศ
ทั้งนี้ แม้จะมีความขัดแย้งเรื่องดินแดน แต่ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ปกครองโดยรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์กลับแน่นแฟ้นขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่จีนและเวียดนามต่างกำลังหาทางรับมือกับสงครามภาษีของสหรัฐฯ
เวียดนาม ซึ่งเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากเป็นอันดับสามของโลกเมื่อปีที่แล้ว กำลังพยายามโน้มน้าวให้สหรัฐฯ ลดภาษีลงอีก โดยมีรายงานว่า รัฐบาลเวียดนามแสดงความประหลาดใจและผิดหวังต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 20% ต่อเวียดนามเมื่อวันที่ 2 ก.ค. เนื่องจากเวียดนามคาดว่าจะได้รับอัตราภาษีที่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว หลังจากที่ยอมเปิดตลาดเสรีให้สหรัฐฯ สามารถส่งออกสินค้ามายังเวียดนามแบบปลอดภาษี (0%)
ขณะเดียวกัน เวียดนามพยายามสร้างสมดุลความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้เวียดนามร่วมมือกันต่อต้าน “การรังแกฝ่ายเดียว” ระหว่างการเยือนเวียดนามเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ในโอกาสครบรอบ 75 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-เวียดนามในปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 68)