EEC เลื่อน NTP เมืองการบินอีกรอบ UTA ขู่ยกเลิกสัญญาหากรัฐไม่มีคำตอบชัดเจน

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.หรือ EEC) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ด EEC) เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 68 มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่า 290,000 ล้านบาท ที่มี บจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนมีบมจ. การบินกรุงเทพ [BA] บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [BTS], และบมจ.สเตคอน กรุ๊ป [STECON] เป็นบริษัทคู่สัญญา กรณีมีปัญหาอุปสรรคและยังไม่สามารถเริ่มการก่อสร้างได้ โดยจะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบ ในวันที่ 29 ก.ค.นี้

ส่วนกรณีที่ UTA ส่งหนังสือ ถึง EEC ยืนยันจะไม่ขอขยายเวลาส่งมอบหนังสือให้เริ่มงาน (NTP: Notice to Proceed) จากวันที่ 31 ก.ค.68 แล้วรวมถึงจะใช้สิทธิเรียกค่าเสียหายจากวงเงิน 5,100 ล้านบาทด้วยนั้น นายจุฬา กล่าวว่า ในหนังสือทาง UTA ไม่ได้บอกว่าจะยกเลิกสัญญา เพียงแต่ทางเอกชนไม่อยากให้ยืดเวลาการส่งมอบหนังสือออกไปเกินกว่าวันที่ 31 ก.ค.นี้ หลังจากครม.มีมติ ทาง EEC จะเร่งเจรจากับ UTA ต่อไป

ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัทอู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทาง EEC มีการเจรจาขอขยายกำหนดออกหนังสือแจ้งให้เริ่มนับระยะเวลาโครงการ (Notice to Proceed: NTP) มาแล้วมากกว่า 2 ครั้ง ล่าสุดกำหนดไว้ วันที่ 31 ก.ค. 2568 ซึ่งเรื่องนี้ผู้ถือหุ้น UTA ได้ประชุมเห็นตรงกันว่า จะไม่ให้ขยาย NTP ออกไปอีกแล้ว และแจ้ง EEC ไปว่า ภาครัฐตัองมีความชัดเจน หากยังไม่มีคำตอบ ทางบริษัทฯ จะพิจารณาใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทสามารถยกเลิกสัญญาได้

ล่าสุดมีการรายงานบอร์ด EEC และจะขอขยาย NTP จากวันที่ 31 ก.ค.68 นี้ออกไปอีกครั้ง เพราะไม่สามารถทำได้ทันเวลา ทาง UTA จะยังยอมรับได้หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า เรายืนยันไม่อยากรอแล้ว หากไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ก็คงเลิกกัน ยกเว้นจะมีคำตอบที่ชัดเจนมากกว่าเดิม มีแผนรายละเอียดการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เพราะที่ผ่านมาต้องบอกว่า เราทำอะไรต่อไม่ได้เลย ผู้ถือหุ้นก็กังวล

โดยหลังลงนามสัญญาร่วมทุนเมื่อปี 2563 UTA มีการลงทุน ไปแล้ว มากกว่า 4,000 ล้านบาท โดยจะต้องดำเนินการออกแบบ มีค่าจ้างที่ปรึกษา มีการเตรียมพื้นที่ และจัดทำรั้วกั้นพื้นที่ เป็นต้น

ด้านนายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BA ในฐานะผู้ถือหุ้น UTA กล่าวว่า ว่า หากได้รับหนังสือตอบจาก EEC ที่เป็นทางการแล้ว คงต้องดูเนื้อหาก่อน และนัดประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งประกอบไปด้วย BA, BTS และ STECON เพื่อพิจารณาร่วมกันก่อน ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ นอกจากนี้ การออก NTP ยังมีประเด็นด้านสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนบางอย่างที่ก็ยังคุยกับ EEC ไม่ลงตัวด้วย

“จริงๆ มีการขยาย NTP มาหลายรอบแล้ว เดิมจะต้องส่งมอบ NTP ให้ได้ในวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ EEC ก็ขอเลื่อนมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้งคือ 30 มิ.ย.รอบหนึ่ง 15 ก.ค. รอบหนึ่ง และล่าสุด 31 ก.ค.อีกรอบหนึ่ง ทาง UTA จึงอยากให้ EEC คุยกันรอบเดียว แล้วทำให้จบจะดีกว่า “

ที่ผ่านมายังมีการหารือปรับแผนงาน เพราะหลังจากเสนอโครงการลงนามสัญญาปัจจัยที่เกี่ยวข้องและส่งกับโครงการมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น เกิดการแพร่ระบาดโควิด- 19 การปรับแผนการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และที่สำคัญ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขนส่งผู้โดยสารเข้าสู่สนามบิน

ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการปรับแผนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา จากเดิม 4 ระยะ (ระยะที่ 1 รองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคน/ปี ระยะที่ 2 รองรับที่ 30 ล้านคน/ปี ระยะที่ 3 รองรับที่ 45 ล้านคน/ปี ระยะที่ 4 รองรับที่ 60 ล้านคน/ปี) ปรับเป็น 6 ระยะ โดยเริ่มต้นระยะที่ 1 รองรับที่ 12 ล้านคน/ปี และเมื่อจำนวนผู้โดยสารอยู่ในระดับ 75-80% จึงจะพัฒนาในระยะถัดไป จนถึง60 ล้านคน/ปี

และล่าสุด หากต้องเริ่มโครงการโดยไม่มีรถไฟความเร็วสูง ได้ทบทวนปรับแผนใหม่ โดยปรับลดไซด์การพัฒนา ระยะที่ 1 เริ่มที่ 3 ล้านคน/ปีก่อน หรือเรียกว่า ระยะ1.1 ก็ได้ แล้วเมื่อมีผู้โดยสารใกล้ถึง 3 ล้านคน จึงจะพัฒนา ระยะ 1.2 ซึ่งอาจจะเป็น 6 ล้านคน/ปี และเป็น 12 ล้านคน/ปี ตามลำดับ เพราะปัจจุบันสนามบินอู่ตะเภา ก็มีผู้โดยสารประมาณ 4 แสนคน/ปีเท่านั้น เป็นการปรับทยอยการลงทุนให้เหมาะสมกับผู้โดยสาร

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 68)

ข่าวล่าสุด