
น.ส.อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์บริษัท จีแคป จำกัด (GCAP GOLD) เผยทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังนโยบายด้านภาษีสามารถบรรลุข้อตกลงได้ชัดเจน โดยประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ได้รับการชี้แจงเกี่ยวกับอัตราภาษีเป็นไปตามที่คาดหวัง ส่งผลให้แรงกดดันต่อราคาทองคำจากประเด็นภาษีระหว่างประเทศเริ่มเบาลง
ขณะเดียวกัน นักลงทุนเริ่มหันมาจับตาความน่าเชื่อถือของข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยชนวนของเรื่องเริ่มจากตัวเลขการจ้างงานล่าสุดที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ และมีการปรับลดตัวเลขย้อนหลังทั้งในเดือน มิ.ย.-พ.ค.ลงเป็นอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การปลดผู้บริหารระดับสูงจากสำนักงานสถิติแรงงานโดยทรัมป์ พร้อมกล่าวหาว่าเป็นแทรกแซงข้อมูลเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความวิตกกังวลในวงกว้างว่าข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งเคยถูกยกเป็นมาตรฐานทองคำอาจสูญเสียความเป็นกลาง
ทั้งนี้หากมีการแทรกแซงข้อมูลทางเศรษฐกิจจริง อาจส่งผลเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก และส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการตัดสินใจด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะต่อไป ทำให้ส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ เพราะเกิดความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น และการเสื่อมศรัทธาต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนมีแนวโน้มลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น
ความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนทิศทางของนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็เป็นอีกปัจจัยสนับสนุน เนื่องจากหากข้อมูลทางเศรษฐกิจหลัก เช่น การจ้างงานและเงินเฟ้อ ขาดความน่าเชื่อถือ เฟดอาจจำเป็นต้องตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายเร็วกว่าคาดการณ์ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นถึงระยะกลาง
กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ รอย่อซื้อ $3,325 และ $3,305 โดยราคาทองคำเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวเข้าสู่ช่วงขาขึ้นในระยะสั้น และมีแนวโน้มสูงที่จะสามารถเบรกกรอบสามเหลี่ยมด้านบนได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ยังไม่มีสถานะในการทยอยสะสม โดยมีแนวรับที่น่าจับตาอยู่บริเวณ $3,325 และ $3,305 (เทียบเท่าราคาทองคำไทยประมาณ 51,100-50,900 บาท) ขณะที่เป้าหมายการทำกำไรระยะสั้นอยู่ที่ $3,400 (ราคาทองคำไทยประมาณ 52,000 บาท) และหากสามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้อย่างมั่นคง มีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับขึ้นต่อเนื่องเพื่อทดสอบ ATH เดิมที่ $3,500 ในระยะถัดไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 68)