
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร [CPF] กล่าวว่า กำไรสุทธิครึ่งปีแรกที่ 18,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% จากงวดเดียวกันปีก่อน มาจากราคาเฉลี่ยเนื้อสัตว์ทั้งไก่และสุกรในหลายประเทศอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว เป็นผลจากปริมาณเนื้อสัตว์ในหลายประเทศมีจำนวนน้อยลง จากการเกิดภาวะโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นมากกว่า 40 ประเทศ และโรคอหิวาห์สุกร (ASF) ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย
นอกจากนั้น ในปีนี้ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ลดลงจากราคากากถั่วเหลืองในหลายประเทศที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้ง การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิผล ทำให้ในภาพรวมบริษัทมีต้นทุนที่ต่ำลงจากปีก่อน
ขณะที่ครึ่งปีแรกปีนี้ซีพีเอฟมียอดขาย 291,770 ล้านบาท โดยหลักมาจากผลการดำเนินงานจากการดำเนินธุรกิจและการค้าในต่างประเทศ กิจการต่างประเทศคิดเป็น 62% การส่งออกคิดเป็น 5% และการค้าในประเทศไทยคิดเป็น 33% ของยอดขาย
ซีพีเอฟมีการลงทุนและร่วมลงทุนในอีก 16 ประเทศ และส่งออกสินค้าอาหารในอีกมากกว่า 50 ประเทศ หากพิจารณายอดขายของทุกประเทศในสกุลเงินตราท้องถิ่นแล้ว ยอดขายของบริษัทมีการเติบโตประมาณ 6% จากปีก่อน ในงบการเงินได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้มีการรายงานยอดขายที่ลดลงประมาณ 1% จากการแปลงค่าเงิน
ซีพีเอฟให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าอาหารคุณภาพปลอดภัย และมีโภชนาการอาหารที่ดีให้กับผู้บริโภค จึงให้ความสำคัญกับการเป็นองค์กรนวัตกรรมรอบด้าน รวมถึงระบบการป้องกันโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ ทำให้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทสามารถบริหารจัดการบริหารความเสี่ยงจากโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ได้ดี
นายประสิทธิ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงอยู่ในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของภาษีทรัมป์นั้น บริษัทมีการส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐอเมริกาไม่ถึง 0.1% ของยอดขาย โดยบริษัทมีโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว และมีแผนงานที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินงานของกิจการในต่างประเทศของซีพีเอฟ ที่เป็นรูปแบบ localization หรือ ผลิตในประเทศ และจำหน่ายในประเทศนั้นเป็นหลัก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)