
กระทรวงการต่างประเทศ จัดบรรยายสรุปให้แก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศกรอบอนุสัญญาออตตาวาเกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวสรุปเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยกัมพูชา โดยมีประเด็นสำคัญ 6 เรื่อง ดังนี้
1. ประเทศไทยยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศและพร้อมปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด รวมถึงพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวา ในการกำจัดทุ่นระเบิดให้หมดไป ทั้งด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและมนุษยธรรมสำหรับประชาชน โดยปัจจุบันไทยได้เก็บกู้พื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 99.5% ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางกิโลเมตร และยังให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี
2. ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา ทหารไทยต้องเหยียบกับระเบิดที่วางโดยฝ่ายกัมพูชาแล้ว 5 ครั้ง เมื่อวันที่ 16, 23 และ 28 ก.ค. และล่าสุดเมื่อวันที่ 9 และ 12 ส.ค. 68 ส่งผลให้มีผู้ทุพพลภาพถาวร 5 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลัก 10 คน โดยฝ่ายไทยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่บ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดที่พบในบริเวณชายแดนเป็นทุ่นระเบิดประเภท PMN 2 ที่ถูกนำมาวางใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่เป็นมรดกจากสงครามในอดีตที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง โดยย้ำว่าฝ่ายไทยไม่มีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในครอบครองแล้ว
3. ประเทศไทยได้ดำเนินการประท้วงกัมพูชาในช่องทางต่าง ๆ ทั้งการดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาออตตาวา การมีหนังสือประท้วงไปยังเลขาธิการสหประชาชาติ ประท้วงไปยังประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยไทยประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตย เป็นการละเมิดบูรณะภาพแห่งดินแดนของไทย ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ รวมทั้งยังเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตาวา ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคี อีกทั้งยังเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ที่กำหนดให้ประเทศทั้ง 2 ยุติการใช้อาวุธทุกชนิด รวมถึงทุ่นระเบิดสังหารบุคคลด้วย
4. กัมพูชา ปฏิเสธที่จะหารือเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ ตามที่ไทยเคยเสนอในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตใจและไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชา ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และข้อตกลงหยุดยิงโดยทันที แสดงความจริงใจที่จะฟื้นฟูสันติภาพบริเวณชายแดน และหันกลับมาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน
5. ประเทศไทยหวังว่า ประเด็นเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะได้รับการพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และ GBC ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและการดำรงชีวิตของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย
6. ในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะจัดให้คณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา และผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคมที่มีภารกิจด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมทั้งสื่อมวลชนไทย และสื่อต่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสังเกตการณ์ความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้จะได้นำหลักฐานเชิงประจักษ์ต่าง ๆ กลับไปพิจารณาทบทวนให้การช่วยเหลือกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างรอบคอบ รวมทั้งกดดันให้กัมพูชาในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้
“ไทยยังยืนยันความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเขตแดนและความตึงเครียดต่าง ๆ กับกัมพูชาด้วยสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น RBC GBC หรือการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย (JBC) ไทยจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงด้วยความจริงใจ และความสุจริตใจ และเราก็คาดหวังในทางเดียวกัน ให้กัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในกลไกเหล่านี้เหมือนกัน และฝ่ายไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งนอกจากจะขัดต่อเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิง ที่กำหนดให้งดเว้นการแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอมแล้ว ยังไม่เป็นผลดีต่อการสร้างภาวะที่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหา และลดความตึงเครียดที่มีอยู่” นายนิกรเดช กล่าว
สำหรับการดำเนินการร้องเรียนกัมพูชาตามอนุสัญญาออตตาวาเรื่องการใช้ทุ่นระเบิด จะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการนานเท่าไรนั้น นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมครั้งต่อไปของออตตาวา จะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. นี้ อย่างไรก็ดี ในข้อเรียกร้องของไทยได้พูดถึงความเร่งด่วนของปัญหา ซึ่งเรื่องระยะเวลาอยู่นอกเหนือการควบคุมของเราว่าประธานของออตตาวา จะเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการอย่างไร
ทั้งนี้ ไทยได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติด้วย ซึ่งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติก็มีอำนาจเหมือนกันที่จะเรียกร้องให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนั้น อาจจะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าเดือนธ.ค. นี้ได้ อย่างไรก็ตาม ไทยได้มีการเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ และหวังว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าการประชุมรอบปกติ
ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า นายรัศม์ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าปัญหาทุ่นระเบิดที่พบจำนวนมากที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ใช่แค่ประเด็นความมั่นคง แต่เป็นเรื่องมนุษยธรรมที่ต้องให้ความสำคัญและดำเนินการเร่งด่วนที่สุด
พื้นที่ชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย มีเพียงชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังคงได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยได้เสนอให้กัมพูชาดำเนินการเก็บกู้กับระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน แต่กัมพูชาได้ชะลอการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งไทยได้ยื่นข้อเสนอนี้อีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (Extraordinary General Border Committee-GBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค.68 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่กัมพูชาไม่ยอมรับต่อข้อเสนอดังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 68)