เขื่อนสิริกิติ์ปรับลดระบายน้ำ จากอิทธิพลพายุ “คาจิกิ” ลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พายุ “คาจิกิ” ได้อ่อนกำลังลงและสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือแล้ว ซึ่งตนได้สั่งการให้หน่วยงานเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 วันนี้ที่จะมีปริมาณน้ำจากฝนตกสะสมไหลลงไปสู่ลุ่มน้ำต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน ที่ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมวลน้ำในอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ไหลลงมาสมทบกับลำน้ำน่านบริเวณท้ายเขื่อนสิริกิติ์ ประกอบกับระดับน้ำในแม่น้ำยมที่จังหวัดแพร่ได้เริ่มทยอยเพิ่มสูงขึ้น

โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกรมชลประทาน ได้หารือร่วมกันเพื่อพิจารณาการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ให้เหมาะสม เบื้องต้นได้ปรับลดการระบายน้ำเหลือ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน จากเดิม 50 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 26-31 ส.ค.นี้ แต่จะยังคงติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องเพื่อปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับแต่ละช่วงเวลามากที่สุด

พร้อมทั้งได้มีการบริหารจัดการเขื่อนในลุ่มน้ำให้มีความสอดคล้องกัน ทั้งเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนทดน้ำผาจุกในจังหวัดอุตรดิตถ์ รวมถึงเขื่อนนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ปัจจุบันเขื่อนผาจุกมีการระบายน้ำผ่านเขื่อนในอัตรา 580 ลบ.ม.ต่อวินาที และเขื่อนนเรศวร มีการระบายน้ำผ่านเขื่อนในอัตรา 835 ลบ.ม. ต่อวินาที เพื่อช่วยลดผลกระทบให้แก่พื้นที่การเกษตรด้านท้ายน้ำในอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอตรอน และอำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำของจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดพิจิตร ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำในแม่น้ำน่านล้นตลิ่ง

ด้านสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา วันนี้มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่จังหวัดนครสวรรค์ 1,598 ลบ.ม.ต่อวินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ (26 ส.ค.68) ที่มีน้ำไหลผ่านในอัตรา 1,615 ลบ.ม. ต่อวินาที ทางด้านเขื่อนเจ้าพระยายังคงอัตราการระบายน้ำ 1,300 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยได้เน้นย้ำให้กรมชลประทานแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ด้านท้ายน้ำได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่ที่เผชิญอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” โดยเร็ว และยังคงต้องเตรียมพร้อมรับมือการก่อตัวของพายุในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.โดยไม่ประมาท เพื่อให้สามารถผ่านพ้นฤดูฝนนี้ไปได้โดยเกิดความเสียหายแก่ประชาชนน้อยที่สุด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 68)