สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษี 50% ถล่มสิ่งทอ-อัญมณีอินเดียอ่วม แต่กลุ่มยา-สมาร์ตโฟนรอดตัว

รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียอีกเท่าตัวในอัตราสูงสุดถึง 50% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (27 ส.ค.) ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมส่งออกสำคัญของอินเดียหลายรายการ ตั้งแต่เสื้อผ้า อัญมณี ไปจนถึงกุ้งและชิ้นส่วนยานยนต์ ในขณะที่กลุ่มสมาร์ตโฟน เวชภัณฑ์ และพลังงาน ได้รับการยกเว้น

มาตรการกีดกันทางการค้าครั้งนี้ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่พึ่งพาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีดังนี้:

  • กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นตลาดหลัก คิดเป็นมูลค่าส่งออกถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2567 หรือเกือบ 30% ของยอดขายทั้งอุตสาหกรรม ขณะนี้แหล่งเจียระไนเพชรสำคัญในเมืองสุรัตเริ่มประสบปัญหายอดสั่งซื้อหดหายจากความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่ลดลงอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่เริ่มวางแผนย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่เสียภาษีต่ำกว่า เช่น บอตสวานา ซึ่งมีอัตราภาษีเพียง 15%
  • กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่อย่าง Walmart, Target และ Gap ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน โดยมียอดส่งออกไปสหรัฐฯ กว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567
  • กลุ่มอาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้ง ซึ่งครองสัดส่วนถึง 40% ของยอดส่งออกอาหารทะเลทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ด้วยมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีก่อน เริ่มได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อที่หยุดชะงัก จนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งหลายรายกำลังพิจารณาเปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่น
  • กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วและมีสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่ง ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์นั่งและรถบรรทุกเล็กจะถูกเก็บภาษี 25% ส่วนชิ้นส่วนสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่และอุปกรณ์การเกษตรจะโดนภาษีเต็มอัตรา 50%

 

*กลุ่มที่ได้รับการยกเว้น

อย่างไรก็ตาม มีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการยกเว้นจากมาตรการภาษีครั้งนี้ นำโดยกลุ่มสมาร์ตโฟน ซึ่งถือเป็นข่าวดีของ Apple ที่มีฐานการผลิต iPhone ส่วนใหญ่ซึ่งวางจำหน่ายในสหรัฐฯ นั้น อยู่ในอินเดีย โดยซัพพลายเออร์รายใหญ่อย่าง Foxconn, Pegatron และ Wistron ส่งออกสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ ไปยังสหรัฐฯ เป็นมูลค่ามหาศาลถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ขณะที่กลุ่มเวชภัณฑ์ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบสาธารณสุขของสหรัฐฯ ก็รอดพ้นจากกำแพงภาษีเช่นกัน โดยอินเดียเป็นผู้ส่งออกยาสามัญและสารตั้งต้นทางยารายใหญ่ไปยังสหรัฐฯ ด้วยมูลค่ากว่า 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้

นอกจากนี้ กลุ่มพลังงานและพลังงานหมุนเวียน เช่น อุปกรณ์โซลาร์เซลล์และกังหันลม ก็เป็นอีกกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 68)