
ทางการออสเตรเลียเปิดโปงหลักฐานชิ้นสำคัญที่ชี้ชัดว่ารัฐบาลอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุลอบวางเพลิงโบสถ์ยิวในนครเมลเบิร์น โดยหน่วยข่าวกรองสามารถแกะรอยเส้นทางการเงินที่ส่งต่อกันเป็นทอด ๆ ไปยังกลุ่มอาชญากรที่รับงาน ซึ่งนำไปสู่การประกาศขับเอกอัครราชทูตอิหร่านและเจ้าหน้าที่อีก 3 คนพ้นประเทศ นับเป็นมาตรการทางการทูตที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลียนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
การตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์นี้มีขึ้นหลังจากแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (26 ส.ค.) ว่า องค์การข่าวกรองความมั่นคงแห่งออสเตรเลีย (ASIO) มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่ารัฐบาลอิหร่านเป็นผู้สั่งการเหตุโจมตีต่อต้านชาวยิวอย่างน้อย 2 ครั้งในซิดนีย์และเมลเบิร์น พร้อมประณามว่า “นี่คือการกระทำอันก้าวร้าวและเป็นภัยอย่างยิ่ง ซึ่งถูกบงการโดยรัฐต่างชาติบนแผ่นดินออสเตรเลีย”
นอกจากการเนรเทศนักการทูตแล้ว รัฐบาลออสเตรเลียยังได้สั่งระงับการดำเนินงานของสถานทูตในกรุงเตหะราน และเตรียมเดินหน้าขึ้นบัญชีกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่านให้เป็นองค์กรก่อการร้าย
สำหรับเบื้องหลังการสืบสวน ไมค์ เบอร์เจส ผู้อำนวยการ ASIO เปิดเผยว่า อิหร่านพยายามปกปิดร่องรอยโดยใช้ “ตัวกลาง” (cut outs) หลายทอดในการสั่งการและส่งเงินทุน ทำให้กลุ่มอาชญากรที่ลงมือในระดับท้องถิ่นอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือผู้บงการที่แท้จริง โดยการสืบสวนได้แกะรอยย้อนกลับจาก “อาชญากรรายย่อย” ผ่านสายการชำระเงินทั้งในและนอกประเทศ จนสาวไปถึงตัวบุคคลในต่างแดนและกองกำลัง IRGC ได้ในที่สุด
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (27 ส.ค.) ยูเนส อาลี ยูเนส วัย 20 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาคดีลอบวางเพลิงโบสถ์ยิว “อาดาสส์ อิสราเอล” (Adass Israel) เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ปีก่อน ได้ถูกนำตัวขึ้นศาลแขวงเมลเบิร์น โดยภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นคนร้ายคลุมหน้า 3 คน ขนถังน้ำมันลงจากรถยนต์ Volkswagen Golf ที่ถูกขโมยมา ก่อนจะจุดไฟเผาโบสถ์แล้วหลบหนีไป โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมโจวานนี ลาอูลู วัย 21 ปี ผู้ต้องหาร่วมอีกรายไปแล้ว
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของออสเตรเลียอย่างรุนแรง โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมซัดกลับว่าออสเตรเลียกำลังเดินตามนโยบายของอิสราเอล เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจาก “การกระทำอันโหดร้าย” ในฉนวนกาซา และเตือนว่าอิหร่านอาจใช้มาตรการตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงของชาติตะวันตกหลายแห่ง เช่น อังกฤษและสวีเดน เคยออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า อิหร่านกำลังหันมาใช้กลุ่มอาชญากรท้องถิ่นเป็นตัวแทนในการก่อเหตุรุนแรงบนดินแดนของตนมากขึ้น ซึ่งการสืบสวนของออสเตรเลียในครั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายข่าวกรองพันธมิตร “Five Eyes” ด้วยเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 68)