รองผู้ว่า BOJ หนุนขึ้นดอกเบี้ยช่วงศก.ฟื้นตัว แม้กังวลผลกระทบภาษีทรัมป์

เรียวโซ ฮิมิโนะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคุชิโระ จังหวัดฮอกไกโด ในวันนี้ (2 ก.ย.) ว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจฟื้นตัวถือเป็นเรื่องที่ “เหมาะสม” แต่ก็เตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

ฮิมิโนะกล่าวว่า แม้ BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 3 ครั้งนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว แต่ “อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังสูง”

เขากล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ BOJ กำหนดไว้ที่ 2% อย่างมาก เนื่องจากราคาข้าวและสินค้าอื่น ๆ ปรับตัวสูงขึ้น แต่เงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะลดลงเมื่อปัจจัยชั่วคราวเหล่านี้หมดไป และจะกลับมาทรงตัวในระดับที่สอดคล้องกับเป้าหมายได้ในที่สุด

“สำหรับผู้กำหนดนโยบายแล้ว ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจะไม่มีวันหายไปจากภูมิทัศน์ เราจึงต้องประเมินความสมดุลของความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านบวกและด้านลบ และตอบสนองอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม” ฮิมิโนะกล่าว

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อพูดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ฮิมิโนะกล่าวว่า การที่ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ สามารถทำข้อตกลงปรับลดภาษีศุลกากรเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็น “ก้าวสำคัญ” แต่ก็เตือนว่า “เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนในระดับสูง”

“เราตั้งสมมติฐานว่า ในสถานการณ์ทั่วไป ผลกระทบจากนโยบายการค้าจะเกิดขึ้นในที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ และทำให้กำไรของบริษัทภายในประเทศลดลง” ฮิมิโนะกล่าว

นักลงทุนในตลาดต่างจับตาว่า BOJ จะกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเมื่อใด หลังจากที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ประมาณ 0.5% ติดต่อกันเป็นครั้งที่สี่ในการประชุมเมื่อเดือนก.ค. โดยระบุถึงความจำเป็นในการประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดีกโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ คณะกรรมการ BOJ มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายครั้งต่อไปเป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. นี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 68)