
พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นแกนนำถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่ป่าเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในปี 67
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า พรรคฯ พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นแกนนำถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่ป่าเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในปี 67
“พรรคเพื่อไทยจะตรวจสอบจับตาทุกฝีก้าวว่ารัฐบาลชุดใหม่จะดำเนินการ 2 เรื่องนี้อย่างไร หากมีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมโดยเข้าไปยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐานหรือทำให้คดีล่าช้า พรรคเพื่อไทยก็จะใช้ทุกช่องทางในการตรวจสอบที่มีอยู่เพื่อหยุดยั้งการกระทำดังกล่าวเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและธำรงไว้ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา รวมถึงพรรคเพื่อไทยจะร่วมเข้าชื่อเปิดอภิปรายเมื่อวางใจนายกรัฐมนตรีทันทีแม้จะยังไม่ครบ 4 เดือนตามบันทึกข้อตกลงส้ม-น้ำเงินก็ตาม” น.ส.ขัตตยา กล่าว
รัฐบาลภายใต้การนำของ ภท.ที่มีเงื่อนไขพิสดาร เรื่องที่คาดหวังยากในการบริหารประเทศให้ประสบความสำเร็จ และพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะเป็นคะแนนเสียงหลักในการตัดตั้งรัฐบาลจะปฎิเสธความรับผิดชอบทางการเมืองไม่ได้
“เราอยากเห็นพรรคประชาชน ซึ่งวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะเป็นฝ่ายค้านเต็มตัวหรือจะเป็นฝ่ายค้านครึ่งบกครึ่งน้ำ ซึ่งจะได้ร่วมตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจังเพื่อสร้างมาตรฐานการเมืองที่โปร่งใส” น.ส.ขัตติยา กล่าว
กรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.ปชน.ระบุว่าสนับสนุนนายอนุทินเพื่อผ่าทางตัน และไม่ต้องการให้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขอให้เลิกสร้างจินตนาการ เลิกสร้างทางตันเทียมมาเป็นข้ออ้าง เพราะไม่เคยมีอยู่ในสมการของ พท. เนื่องจากพรรคมีนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี การกำหนดแคนดิเดต 3 คนเพื่อรองรับกลไกรัฐธรรมนูญ 2560 และป้องกันให้เกิดทางตัน ดังนั้น พท.ยังมีความแข็งแรงและพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มกำลังเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน โดยจะไม่ยอมให้กระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือน จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามาตรฐานการเมืองที่โปร่งใส รัฐบาลจะเปลี่ยนขั้ว แต่ พท.ไม่เคยเปลี่ยนใจ เพราะยืนข้างประชาชน
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางของนอกประเทศ ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของคนในพรรค ทุกคนมีกำลังใจดี และนายทักษิณก็โพสต์ว่าจะกลับมา ดังนั้นจึงไม่กระทบกระเทือนกับขวัญและกำลังใจของ สส.และสมาชิกพรรค ขณะนี้ทุกคนเตรียมพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านจึงต้องวางยุทธศาสตร์และมองไปข้างหน้า ส่วนอีก 4 เดือนจะยุบสภาเป็นสิ่งที่กรรมการบริหารจะต้องพูดคุยกันในการวางตัวบุคคล และยุทธศาสตร์การทำงานการเมือง และการที่มี สส.จำนวน 8 คนไปโหวตให้นายอนุทินนั้น ไม่ได้แปลกใจ เป็นสิ่งที่คาดเดาได้อยู่แล้ว หลังจากนี้ให้ สส.ที่เหลือทำหน้าที่ในการเป็น สส.ฝ่ายค้านต่อไป
“พรรคเพื่อไทยผ่านมาเยอะ สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ ไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่กับพรรคเพื่อไทย” น.ส.ขัตติยา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ย. 68)