
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 31.71 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากปิดวันก่อนที่ระดับ 31.85 บาท/ดอลลาร์
โดยตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็ว ก่อนที่จะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ใกล้ ระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์ หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน ส.ค.ของสหรัฐ ออกมาสอดคล้องกับคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ ยอดผู้ขอ รับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกกลับพุ่งสูงขึ้น ทำให้ตลาดต่างปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
“ภาพดังกล่าว กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง พร้อมหนุนการรีบาวด์สูงขึ้นของราคา ทองคำ” นายพูน ระบุ
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท อาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ หลังตลาดได้รับรู้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ เฟดไปพอสมควรแล้ว ทำให้การเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญของเงินบาทนั้น อาจจะเกิดขึ้นหลังตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC เดือนก. ย. ของเฟด ซึ่งปัจจัยที่จะกระทบต่อเงินบาทได้นั้นจะมีทั้งการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟด (จะลด 25bps หรือ 50bps) รวมถึง คาด การณ์เศรษฐกิจ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ใหม่ ปัจจัยสำคัญคืนนี้ ตลาดรอลุ้นรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนก.ย. โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ ระยะสั้นและระยะยาว (Inflation Expectations) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมทั้งติดตามพัฒนาการความขัด แย้งในตะวันออกกลาง และสงครามรัสเซีย-ยูเครน
นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 31.60-31.90 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.30 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 147.96 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1720 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1680 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 31.807 บาท/ดอลลาร์
- เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลง ทุน โดยการดึงดูดบุคลากรคุณภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ผ่านมาตรการวีซ่าชนิดพิเศษ “LongTerm Resident Visa (LTR Visa)” ปัจจุบันมีผู้ได้รับอนุมัติ LTR Visa รวมกว่า 7,000 คน จากทั้งกลุ่มยุโรป 42% สหรัฐ 19% และเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น 9% จีน 5% และ อินเดีย 4% สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 23,000 ล้านบาท
- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้ตั้งข้อสังเกตสาเหตุค่าเงินบาทแข็งค่า เร็ว และรุนแรง เนื่องจากสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความผิดปกติบางอย่างในเรื่องของการส่งออกทองคำ โดยเฉพาะการส่งออกไปกัมพูชา
- 3 พรรค “ส้ม-น้ำเงิน-แดง” เห็นพ้อง 3 ข้อสรุป เดินหน้าจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ในสัปดาห์หน้า ให้เสนอโมเดลร่าง เข้า กมธ. การพัฒนาการเมืองก่อน เชื่อเสร็จทันภายใน 4 เดือน ที่ตกลงใน MOA ปลาย ม.ค. 69 ยุบสภาฯ-เลือกตั้ง
- “พรรคภูมิใจไทย” ยืนยันพร้อมคิกออฟโครงการคนละครึ่ง หลังรัฐบาลแถลงนโยบาย 2 สัปดาห์ เล็งใช้งบมากกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ด้าน “ปลัดกระทรวงการคลัง” ระบุ ให้สิทธิ์คนไทยทุกคนเข้าร่วมโครงการ แต่จะได้รับการสนับสนุนไม่เท่ากัน
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวานนี้ (11 ก.ย.) ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า ECB ได้ยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวัฏจักรปัจจุบันแล้ว หลัง จากที่ ECB แสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี สอด คล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวด อาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ค.
- ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 27,000 ราย สู่ระดับ 263,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็น ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย
- นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า แม้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้นจากเดือนก.ค. FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.นี้
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย อันเนื่อง จากภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอ แต่เฟดควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง ขณะที่ยังคงจับตาข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (11 ก.ย.) เนื่องจากข้อมูลแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยล่าสุดทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ส่วนยูโรแข็งค่าขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ยุติวงจรการปรับลด อัตราดอกเบี้ยแล้ว
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไร อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยัง คงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 68)