“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. ปัดขัดแย้ง จับตาใครรับไม้ต่อ?

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งอาจทำให้พรรคเกิดความเสียหายพรรค โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 กันยายนนี้ เป็นต้นไป

โดยมอบหมายนายประมวล พงษ์ถาวราเดช รองหัวหน้าพรรคปฏิบัติหน้าที่แทน ในระหว่างกระบวนการสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่

น.ส.เจนจิรา รัตนเพียรโฆษกพรรค ปชป. ชี้แจงกรณีการลาออกอย่างกะทันหันของนายเฉลิมชัยว่า นายเฉลิมชัย มีปัญหาด้านสุขภาพและเกรงว่าจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่สำคัญก่อนการเลือกตั้ง โดยยืนยันว่าการลาออกครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งภายในพรรค

นายธนิตพล ไชยนันทน์ ผู้อำนวยการพรรคปชป. กล่าวว่า การลาออกครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยทางพรรคจะดำเนินการตามระเบียบและข้อบังคับพรรคต่อไป ในการจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันประชุมที่แน่ชัด

ส่วนหากอดีตสมาชิกพรรคคนสำคัญ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายกรณ์ จาติกวณิช จะกลับเข้ามาลงสมัคร จะต้องเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 2 ปี แต่ก็มีโอกาสที่ที่ประชุมใหญ่จะพิจารณายกเว้นข้อบังคับดังกล่าวได้ ซึ่งเคยมีกรณีตัวอย่างมาแล้วในอดีต

“ไม่ว่าจะเป็นเลือดเก่า หรือ เลือดใหม่ หากเข้ามาช่วยกันฟื้นฟูพรรคก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของที่ประชุมใหญ่ที่จะมีการเสนอชื่อและรับรองในขั้นตอนต่อไป”

หนุน “อภิสิทธิ์” คัมแบ็ค

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะสมาชิกพรรค กล่าวว่า เคารพในการตัดสินใจของนายเฉลิมชัย และโดยส่วนตัวได้ร่วมงานกับนายเฉลิมชัยมาเป็นเวลานาน เป็นอีกคนหนึ่งที่ทุ่มเททำงานให้พรรคมาโดยตลอด

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พรรคอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม เชื่อว่าการเปิดกว้างให้สมาชิกพรรค อดีตสมาชิกพรรคที่ประสงค์จะกลับเข้ามาร่วมงานกับพรรค เป็นแนวทางที่ดีในการนำพาพรรคก้าวไปข้างหน้าได้ ซึ่งกระบวนเลือกตั้งก็จะเป็นไปตามข้อบังคับพรรค โดยส่วนตัวและนายชวน หลีกภัย รวมถึงสมาชิกพรรคเป็นจำนวนมากที่ต้องการสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคในสถานการณ์เช่นนี้ เชื่อว่าจะสามารถนำพาพรรคไปในวันข้างหน้าได้

ในประเด็นเรื่องการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์นั้น หลักการในเรื่องนี้ พรรคเปิดกว้างให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการเสนอตัวเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค รวมถึงกรณีบุคคลที่เคยเป็น กรรมการบริหารพรรค เคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค เคยเป็น สส.ในนามพรรค หากปัจจุบันยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเนื่องจากได้ลาออกไปก่อนหน้านี้ สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกแล้วสามารถเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรคได้เลย ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และไม่ต้องยกเว้นข้อบังคับแต่อย่างใด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ย. 68)