
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (26 ก.ย.) และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. หลังโดรนของยูเครนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย ส่งผลให้การส่งออกเชื้อเพลิงของรัสเซียลดลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.14% ปิดที่ 65.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 1.02% ปิดที่ 70.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยการโจมตีด้วยโดรนของยูเครนเริ่มส่งผลกระทบมากขึ้น
อเล็กซานเดอร์ โนวัก รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัสเซียจะใช้มาตรการห้ามส่งออกดีเซลบางส่วนไปจนถึงสิ้นปี และขยายเวลาการห้ามส่งออกน้ำมันเบนซินออกไป ขณะที่ความสามารถในการกลั่นน้ำมันที่ลดลงทำให้หลายภูมิภาคในรัสเซียเผชิญปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิงบางประเภท
นักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งระบุเสริมว่า มาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ช่วยหนุนตลาดน้ำมันเช่นกัน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงกดดันพันธมิตรของสหรัฐฯ ให้ลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยอาจทำให้อินเดียและตุรกีปรับลดการนำเข้าลง
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า คำเตือนของนาโตต่อการตอบโต้ หากมีการละเมิดน่านฟ้าประเทศสมาชิกเพิ่มเติม ได้เพิ่มความตึงเครียดจากสงครามยูเครน และเพิ่มโอกาสที่จะมีการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซีย
ด้านอุปทานนั้น มีรายงานจากสำนักข่าวของรัฐบาลอิรักว่า การส่งออกน้ำมันดิบจากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานจะเริ่มขึ้นในวันเสาร์นี้ (27 ก.ย.) ซึ่ง SOMO จะเป็นผู้ดำเนินการส่งผ่านท่อส่งไปยังท่าเรือเจย์ฮานของตุรกี โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดจะจับตาการผลิตน้ำมันของเคอร์ดิสถานว่าจะเพิ่มอุปทานได้มากเพียงใด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 68)