
นายพิชิต หุ่นศิริ รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทางหลวงชนบท เผยได้เตรียมความพร้อมที่จะรับมือจากอิทธิพลพายุ “แมตโม” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน โดยย้ำให้หน่วยงานในส่วนภูมิภาค ทั้งสำนักงานทางหลวงชนบท/แขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ที่กำลังประสบเหตุน้ำท่วมให้บริหารจัดการเส้นทางและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน กรณีเส้นทางผ่านไม่ได้ให้จัดหาทางเลี่ยงพร้อมทั้งประสานกับหน่วยงานของจังหวัดในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ รวมถึงกรณีถนน/สะพานขาด ให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้น อาทิ การติดตั้งสะพานเบลีย์ และกรณีต้นไม้หักโค่น ปิดทับ/กีดขวางเส้นทาง ให้รีบนำเครื่องมือเครื่องจักรเข้าดำเนินการทันที เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรผ่านได้โดยเร็ว
โดยล่าสุด (5 ต.ค.68 เวลา 10.00 น.) สำนักบำรุงทาง กรมทางหลวงชนบท ได้รายงานโครงข่ายในความรับผิดชอบของ ทช. ที่ประสบอุทกภัยใน 23 จังหวัด รวม 58 สายทาง (เชียงใหม่, เพชรบูรณ์, แม่ฮ่องสอน, อุตรดิตถ์, แพร่, พะเยา, กาฬสินธุ์, ชัยภูมิ, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, อุบลราชธานี, อุดรธานี, จันทบุรี, ชลบุรี, ปราจีนบุรี, นครสวรรค์, พระนครศรีอยุธยา, พิจิตร, พิษณุโลก, ราชบุรี, ลพบุรี, สมุทรปราการ, สุโขทัย) แบ่งเป็นสามารถสัญจรผ่านได้ 43 สายทาง ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 15 สายทาง ได้แก่
1.ถนนทางหลวงชนบทสาย อต.2002 แยก ทล.11 (กม.ที่ 291+008) – บ้านแก่ง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ กม.ที่ 10+600 – 11+075, กม.ที่ 2+600 – 3+000, กม.ที่ 10+600 – 11+075 ระดับน้ำ 15-55 เซนติเมตร
2.สะพานข้ามแม่น้ำยม (สาย พร.001) อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ กม.ที่ 0+485 – 1+185 น้ำกัดเซาะคอสะพานขาด
3.สะพานบ้านป่าปุ๊ (สาย มส.014) อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน กม.ที่ 0+000 – 0+000 สะพานชำรุดเสียหาย
4.ถนนทางหลวงชนบทสาย รอ.4007 แยก ทล.2259 (กม.ที่ 19+400) – บ้านสว่าง อ.เสลภูมิ, โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด กม.ที่ 17+700 – 18+170 ระดับน้ำ 150 เซนติเมตร
5.สะพานบางเคียน (สาย นว.017) อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ กม.ที่ 0+700 – 1+930 น้ำไหลกัดเซาะผิวจราจรและคันทาง
6.ถนนทางหลวงชนบทสาย นว.3119 แยก ทล.225 (กม.ที่ 7+100) – ชุมชนเกาะยม กม.ที่ 0+500 – 2+700 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำ 40 เซนติเมตร
7.ถนนทางหลวงชนบทสาย นว.3102 แยก ทล.117 (กม.ที่ 16+150) – บ้านเนิน อ.เก้าเลี้ยว, ชุมแสง จ.นครสวรรค์ กม.ที่ 8+020 – 11+100 ระดับน้ำ 80 เซนติเมตร
8.ถนนทางหลวงชนบทสาย พจ.4011 แยก ทล.1289 (กม.ที่ 10+900) – บ้านทุ่งอ่างทอง กม.ที่ 2+400 ถึง 3+060 อ.โพทะเล จ.พิจิตร ระดับน้ำ 40 เซนติเมตร
9.ถนนทางหลวงชนบทสาย พจ.4021 แยก ทล.1289 (กม.ที่ 10+060) – บ้านไผ่ท่าโพใต้ อ.บึงนาราง, โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร กม.ที่ 7+000 – 8+500 ระดับน้ำ 35 เซนติเมตร
10.ถนนทางหลวงชนบทสาย พจ.5022 เชื่อมถนนเทศบาลตำบลโพทะเล – บ้านบางพล้อ อ.โพทะเล จ.พิจิตร กม.ที่ 3+051 – 6+951 ระดับน้ำ 25 เซนติเมตร
11.สะพานรักษ์ลำน้ำยม (สาย สท.011) อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย กม.ที่ 0+000 – 0+015 ระดับน้ำ 80 เซนติเมตร
12.ถนนทางหลวงชนบทสาย อย.4055 แยก ทล.3267 (กม.ที่ 10+265) – บ้านตาลเอน อ.มหาราช, บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา กม.ที่ 6+700 – 8+100 ระดับน้ำ 30 เซนติเมตร
13.สะพานหัวเวียง (สาย อย.020) อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา กม.ที่ 0+000 – 0+350 น้ำหลาก
14.สะพานข้ามคลองบางหลวง (สาย อย.030) อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา กม.ที่ 0+000 – 0+683 น้ำหลาก ระดับน้ำ 116 เซนติเมตร
15.สะพานสุขุมสามัคคีสามตำบล (สาย สท.010) อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย กม.ที่ 0+000 – 0+700 ระดับน้ำ 20 เซนติเมตร
สำหรับสายทางที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทช.ได้ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายบอกระดับน้ำ และปักเสาขาวแดงตามแนวเขตทางเรียบร้อยแล้ว หากระดับน้ำลดลงจะเร่งดำเนินการประเมินสถานการณ์และเร่งเข้าซ่อมแซมเบื้องต้นโดยเร็วที่สุดต่อไป นอกจากนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ในทันที โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุอุทกภัยบนถนนทางหลวงชนบทได้ที่สายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ต.ค. 68)
