
นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์อัพเกาะติดการประชุม ครม.เคาะโครงการ”คนละครึ่งพลัส”หนุนหุ้นอิงการบริโภคในประเทศ และหนุนต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ พร้อมให้แนวต้าน 1,300 จุด แนวรับ 1,280 จุด
นายวีรวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์อัพ โดยที่ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้จะพิจารณาโครงการ “คนละครึ่งพลัส” วงเงินราว 4.4 หมื่นล้านบาท อาจเป็นปัจจัยหนุนหุ้นอิงกับการบริโภคในประเทศได้ และช่วยหนุนต่อภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้
ด้านต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ การ Shutdown ของหน่วยงานราชการสหรัฐก็ยังมีต่อเนื่อง ทำให้ยังไม่มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมา ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
ให้แนวต้าน 1,300 จุด แนวรับ 1,280 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (6 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,694.97 จุด ลดลง 63.31 จุด หรือ -0.14%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,740.28 จุด เพิ่มขึ้น 24.49 จุด หรือ +0.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,941.67 จุด เพิ่มขึ้น 161.16 จุด หรือ +0.71%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดที่ระดับ 48,281.12 จุด เพิ่มขึ้น 336.36 จุด หรือ +0.70% ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการเนื่องในวันชาติ และตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ต.ค.) 1,285.64 จุด ลดลง 7.97 จุด (-0.62%) มูลค่าซื้อขาย 33,100.46 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (6 ต.ค.) 1,393.73 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. (6 ต.ค.) เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.33% ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ต.ค.) อยู่ที่ 0.66 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.48 อ่อนค่าเล็กน้อย ตลาดไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 32.35-32.60
- “เอกนิติ” ชง ครม.เคาะ คนละครึ่งพลัส อนุมัติ 4.4 หมื่นล้าน ประชาชนรับ 20 ล้านสิทธิ์ ลงทะเบียน 20 ต.ค. กระตุ้นใช้จ่าย 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ เพิ่ม จีดีพี 0.3-0.4% เดินหน้านโยบายเศรษฐกิจ 5 เสาหลัก ฟื้นความเชื่อมั่นความน่าเชื่อถือประเทศ ไม่ขยายเพดานหนี้สาธารณะเกิน 70% “ศุภจี” ย้ำพาณิชย์ดูแลราคาสินค้าเกษตร ลดค่าครองชีพประชาชน เร่งขยายตลาดส่งออกข้าว
- “เฟทโก้” จ่อส่งหนังสือหารือ “กระทรวงพาณิชย์” เพื่อเสนอปลดล็อกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเปิดต่างชาติที่ได้รับสิทธิพิเศษ จากบีโอไอเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยง่ายขึ้น หวังพลิก “จีดีพี” เติบโตแกร่งระดับ 3% ภายในปี 71 ด้านทีม Taskforce “สศค.-กลต.-ตลท.-เฟทโก้” เปิด “4 มาตรการเสริมเสน่ห์ตลาดทุนไทย” พร้อมเดินหน้าถก “รมว.คลัง” เคาะแผนงานเร่งด่วนเป็นรูปธรรม
- บีโอไออนุมัติส่งเสริมการลงทุน “โฮม่า” (Homa) ผู้ส่งออกตู้เย็นอันดับ 1 ของจีน เดินหน้าตั้งฐานการผลิตในไทย ทุ่มงบก้อนแรก 3,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตตู้เย็นอัจฉริยะและตู้แช่เย็น เตรียมจ้างงานคนไทย 3,000 คน เพิ่มการซื้อชิ้นส่วนในประเทศเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะไทย รองรับตลาดโลกที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
- ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือน ก.ย.2568 เท่ากับ 100.11 ลดลง 0.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นการลดลงต่อเนื่อง 6 เดือนติด นับจากเดือน เม.ย.68 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาสินค้ากลุ่มพลังงานลดลง ทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงตามราคาพลังงานโลกและนโยบายรัฐบาล ขณะที่สินค้ากลุ่มอาหารยังคงลดลง โดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด โดยเงินเฟ้อรวม 9 เดือนของปี 68 (ม.ค.-ก.ย.) เพิ่มขึ้น 0.01%
- ส.อ.ท.แนะรัฐเร่งปฏิรูปกฎหมาย ยกระดับขีดความสามารถ เปิดผลโพลเอกชนชี้ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันระดับกลาง ลั่นปัญหากฎหมายที่ล้าสมัยและการปฏิรูประบบราชการที่ยังไม่จริงจังถือเป็นจุดอ่อน
หุ้นเด่นวันนี้
- บมจ.ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป (ONSENS) ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ โดยประกอบธุรกิจให้บริการออนเซ็นและสปาเพื่อสุขภาพภายใต้ 2 แบรนด์ ได้แก่ “ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา” (Yunomori) และ “คลาย สปา” (KLAI) ราคา IPO ที่ 2.05 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 164 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 615 ล้านบาท
- PTTEP (แลนด์แอนด์เฮ้าส์) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 137 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/68 แข็งแกร่ง กลับมาเพิ่มขึ้น และกำไรไตรมาส 4/68 จะยิ่งสูงขึ้นอีกและเป็นจุดสูงสุดของปี อัตราจ่ายเงินปันผลสูง คาดจ่าย 8.75 บ./หุ้น คิดเป็น D/P ราว 7.7% ประเมินราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 137 บ. เทียบเท่า FY68F P/E=7.4x
- KCE (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 27.00 บาท มองเชิงบวกจากแนวโน้มกำไรฟื้นตัวใน H2/68 แนวโน้มไตรมาส 3/68 เป็นบวกหลังกำไรถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวหลายรายการ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและการรวมสำนักงานขายในอังกฤษและเยอรมนี อุปสงค์ที่อ่อนลงจากความกังวลภาษีสหรัฐฯ และบาทแข็งค่า การซื้อกิจการสำนักงานขายสองแห่งยังทำให้ต้องตัดสินค้าคงเหลือทางบัญชีส่งผลให้การรับรู้รายได้ล่าช้าราว 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ/ไตรมาส ใน 1H25 เราคาดว่าผลกระทบเหล่านี้จะหมดไปในไตรมาส 2/68 ซึ่งจะหนุนกำไรราว 30-40 ลบ. นอกจากนี้ยังมี upside จากปริมาณคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้กำลังการผลิตราว 5% และเพิ่ม GPM
- CENTEL (เคจีไอ) เป้าพื้นฐาน 37.5 บาท ประเมินธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารฟื้นเด่นในไตรมาส 3/68 และอเนื่องใน High season ไตรมาส 4/68 โดย “รายได้ต่อห้องพักที่พร้อมให้บริการ” (RevPar) เดือน ก.ค.-ส.ค. ฟื้นตัวแรง QoQ ทั้งในไทยและที่มัลดีฟส์ ขณะที่อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของธุรกิจร้านอาหารฟื้น +3% YoY (จาก -3% YoY ใน 2Q68) และคาดหวังการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวช่วงปลายปี ไตรมาส 4/68 ส่วน Valuation ไม่แพง PBV 1.95 เท่า (-1.5 SD)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 68)