
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้มีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจเพิ่มเติมว่าด้วยโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (Enhanced Memorandum of Understanding on ASEAN Power Grid) (ร่างบันทึกความเข้าใจ APG เพิ่มเติม)
เนื่องจากปัจจุบันผลบังคับใช้บันทึกความเข้าใจ APG ที่ได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้น ประเทศสมาชิกอาเซียนจึงได้เห็นชอบร่วมกันให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจ APG เพิ่มเติมเพื่อใช้แทนบันทึกความเข้าใจ APG ฉบับเดิมดังกล่าว ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้ามพลังงาน ครั้งที่ 43 เพื่อขยายความเชื่อมโยงด้านไฟฟ้าภายในภูมิภาคต่อไป
นอกจากนี้ ครม.มีมติเห็นชอบร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Petroleum Security) (ร่างกรอบความตกลงฯ) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในร่างกรอบความตกลงฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการ ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ พน. นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก
โดยที่ตราสารการขยายระยะเวลาของความตกลง APSA จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ประเทศสมาชิกอาเซียนได้เห็นชอบร่วมกันให้มีการลงนามในร่างกรอบความตกลงฯ อย่างเป็นทางการในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 43 (43rd ASEAN Ministers of Energy Meeting: AMEM) ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 17 ตุลาคม 2568 เพื่อนเสริมสร้างความมั่นคงทางปิโตรเลียมให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือของประเทศสมาชิกในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคพลังงานกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยยึดถือหลักการในการมีส่วนร่วมและการให้ความสมาชิกผ่านกลไกมาตรการการประสานงานเพื่อตอบสนองต่อสภาวะฉุกเฉินพื้นฐานความสมัครใจและความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ของประเทศสมาชิกอาเซียน
“ประเทศไทย เป็นประเทศนำเข้าพลังงานสุทธิ การสร้างความมั่นคงทางพลังงาน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และการที่มีความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียน ก็เป็นหนึ่งในมาตรการที่กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากทั้ง 2 ข้อตกลงข้างต้นที่กระผมจะเป็นผู้แทนจากประเทศไทยไปลงนามในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 43 หรือ AMEM ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 17 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย นับเป็นกลไกสำคัญในการแสวงหาความร่วมมือจากประเทศสมาชิกที่มีศักยภาพในการแบ่งปันน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และการเชื่อมโยงด้านไฟฟ้า รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและสร้างรายได้จากการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดน และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอีกด้วย” นายอรรถพล กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 68)