
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รายงานผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (AFNC) ระหว่างวันที่ 3-9 ตุลาคม 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,029,742 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 1,031 ข้อความ
ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 1,010 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 6 ข้อความ ช่องทาง Website จำนวน 2 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 13 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 224 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 73 เรื่อง
10 อันดับข่าวที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่
อันดับที่ 1 : เรื่อง เริ่มลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ได้ตั้งแต่วันที่ 1-5 ต.ค. 68
อันดับที่ 2 : เรื่อง ทหารกัมพูชาตรึงกำลังตั้งฐานที่ปราสาทคนา
อันดับที่ 3 : เรื่อง เปิดเกณฑ์รับเงินคนละครึ่ง แบ่ง 3 กลุ่ม แจกสูงสุด 2,400 บาท
อันดับที่ 4 : เรื่อง หญิงที่ไม่มีเพศสัมพันธ์เป็นเวลานาน เพิ่มความเสี่ยงสมองตาย และเป็นมะเร็งรังไข่
อันดับที่ 5 : เรื่อง ทอ. สั่งบิน F-16 สอดแนมฐานทัพกัมพูชา
อันดับที่ 6 : เรื่อง จังหวัดเพชรบูรณ์เกิดเหตุคอกวัวแตกหลังฝนตกหนัก
อันดับที่ 7 : เรื่อง เกิดเหตุเครื่องบินตกในกรุงเทพฯ สูญเสีย 750 ราย
อันดับที่ 8 : เรื่อง การแสดง “โขน” ต้นฉบับเป็นของกัมพูชา
อันดับที่ 9 : เรื่อง งอนิ้วชี้ไปมาข้างละ 100 ครั้งต่อวัน ช่วยให้ตับดี สมองดี สายตาดี
อันดับที่ 10 : เรื่อง ไทยขายใบนัดแพทย์ปลอม ให้คนกัมพูชาใช้ผ่านข้ามแดน
อันดับ 1 เรื่อง “เริ่มลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ได้ตั้งแต่วันที่ 1-5 ต.ค. 68”
กระทรวงดีอี ประสานงานร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ปัจจุบัน กระทรวงการคลัง ยังไม่มีการดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในระยะที่ 3 ทั้งนี้ หากมีการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประชาสัมพันธ์แจ้งต่อประชาชนให้รับทราบต่อไป
อันดับ 2 เรื่อง “ทหารกัมพูชาตรึงกำลังตั้งฐานที่ปราสาทคนา”
กระทรวงดีอี ประสานงานร่วมกับ กองทัพบก กระทรวงกลาโหม ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข่าวปลอม โดยขอชี้แจงว่า จากข้อมูลบันไดไม้ที่สร้างโดยฝ่ายกัมพูชามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการส่งกำลังบำรุงไปยังฐานตรวจการณ์บนหน้าผา และต่อมาได้ถูกนำมาใช้เพื่อการท่องเที่ยวของประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ กำลังทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณดังกล่าวไม่มีท่าทีคุกคาม และจุดเฝ้าตรวจของกัมพูชาไม่ได้มีลักษณะเป็นป้อมปราการทางทหารแต่อย่างใด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 68)