ญี่ปุ่นเร่งพัฒนา AI ภายในประเทศ หวังลดพึ่งพาต่างชาติ หวั่นกระทบความมั่นคง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า แผนยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมประกาศใช้จะมีการกำหนดความจำเป็นในการส่งเสริมการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายในประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพา AI จากต่างประเทศมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ผลสำรวจชี้ว่า ขณะที่สหรัฐฯ และจีนกำลังแข่งขันกันเพื่อความเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีขั้นสูง และภาคเอกชนต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อสร้างโมเดล AI ใหม่ ๆ แต่ญี่ปุ่นยังตามหลังมหาอำนาจเหล่านี้ทั้งในด้านการพัฒนาและการใช้งาน AI

แม้บริษัทญี่ปุ่นจะมีการพัฒนา AI อยู่บ้าง แต่ญี่ปุ่นยังคงล้าหลังในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งถูกครอบงำโดยผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI ของสหรัฐฯ ผู้สร้าง ChatGPT และสตาร์ตอัปจีนอย่าง DeepSeek ที่เปิดตัว Generative AI ในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งมาก

ข้อมูลที่รัฐบาลญี่ปุ่นอ้างถึงระบุว่า ในปี 2567 มีคนญี่ปุ่นเคยใช้ Generative AI อยู่เพียงประมาณ 27% เทียบกับ 69% ในสหรัฐฯ และ 81% ในจีน

แหล่งข่าวระบุว่า เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงของชาติ นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ จึงได้ผลักดันให้ญี่ปุ่นเร่งตามให้ทันและต้อง “พลิกกระแส” ให้ได้

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดการประชุมคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ AI ครั้งแรกเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และมีเป้าหมายที่จะจัดทำแผนพื้นฐานให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยอาจมีการเสนอโครงร่างของแผนดังกล่าวในการประชุมครั้งถัดไปที่จะมีขึ้นในปลายเดือนนี้

แหล่งข่าวเผยว่า แผน AI พื้นฐานซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำนี้ จะเรียกร้องให้มีการปรับปรุงสวัสดิการเพื่อดึงดูดบุคลากรด้าน AI เพื่อผลักดันการสร้าง AI ที่พัฒนาเองในประเทศ โดยรัฐบาลมองเห็นความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ รวมถึงค่าตอบแทนที่ดีขึ้น สำหรับนักวิจัยและวิศวกรทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำความรู้ความเชี่ยวชาญขั้นสูงมาปรับใช้

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังจะเร่งการพัฒนาชิปประมวลผลขั้นสูง และซูเปอร์คอมพิวเตอร์เรือธงรุ่นใหม่เพื่อมาแทนที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku ในปัจจุบัน ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันวิจัย Riken เนื่องจากการพัฒนา AI ต้องอาศัยการคำนวณความเร็วสูงจำนวนมหาศาล

ขณะเดียวกัน แผน AI ฉบับดังกล่าวยังจะชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่เกิดจากความก้าวหน้าของ AI เช่น การแพร่กระจายของข้อมูลบิดเบือน (disinformation) และข้อมูลที่ผิด (misinformation) รวมถึงการโจมตีทางไซเบอร์ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการสร้างนวัตกรรม เพื่อทำให้ญี่ปุ่นเป็น “ประเทศที่เป็นมิตรที่สุดในโลกต่อการพัฒนาและการใช้ AI”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ต.ค. 68)