
ประธานาธิบดี อี แจ-มย็อง ได้สั่งการระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (14 ต.ค.) ให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องใช้ “ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมด” เพื่อช่วยเหลือพลเมืองเกาหลีใต้ที่ถูกลักพาตัวในกัมพูชา อันเนื่องมาจากขบวนการหลอกให้ไปทำงานผิดกฎหมายให้ได้เดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุด
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่จำนวนชาวเกาหลีที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวงจัดหางานในกัมพูชาพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ประกอบกับกรณีล่าสุดที่นักศึกษาชาวเกาหลีใต้ถูกทรมานจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุให้ โช ฮยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบเพื่อหารืออย่างเร่งด่วน
ปธน.อีกล่าวว่า “กระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องเร่งจัดตั้งช่องทางการประสานงานที่เป็นกิจจะลักษณะระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของทั้งสองประเทศผ่านการหารือกับรัฐบาลกัมพูชา” พร้อมย้ำว่าต้องเร่งติดตามและนำตัวพลเมืองเกาหลีที่ถูกลักพาตัวกลับประเทศโดยทันที
เพื่อแก้ปัญหาความปลอดภัยที่ทวีความรุนแรงขึ้น ปธน.อียังได้สั่งการให้รัฐบาล “ทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อรับมือกับปัญหานี้อย่างเร่งด่วน แม่นยำ และเด็ดขาด” และเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย ปธน.อีย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการจำกัดการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงสูงโดยเร็วที่สุด โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 ต.ค.) กระทรวงการต่างประเทศได้ยกระดับคำเตือนการเดินทางในกรุงพนมเปญจากระดับ 2 (ให้ใช้ความระมัดระวัง) ขึ้นเป็น “คำเตือนพิเศษด้านการเดินทาง” (Special Travel Advisory) ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่ประกาศใช้ในภาคใต้ของกัมพูชาและชายแดนกัมพูชาที่ติดกับเวียดนาม
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ปรึกษาหารือทางการทูตกับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการในสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ในกรุงพนมเปญ และเพื่อจัดตั้ง “Korean Desk” ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อรับผิดชอบในการจัดการคดีที่เกี่ยวข้องกับชาวเกาหลีใต้โดยเฉพาะ
ทั้งนี้ ข้อมูลอย่างเป็นทางการชี้ให้เห็นว่า สถิติอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 81 คดีในปี 2565 เป็น 134 คดีในปี 2566 และ 348 คดีในปี 2567 ส่วนในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีจำนวนสูงถึง 303 คดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ต.ค. 68)