
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (15 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 47,463.31 จุด เพิ่มขึ้น 615.99 จุด หรือ +1.31%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,749.68 จุด เพิ่มขึ้น 308.33 จุด หรือ +1.21% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,869.25 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด หรือ +0.10%
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐ (NABE) ที่เมืองฟิลาเดลเฟียในวันอังคาร (14 ต.ค.) โดยเขาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของตลาดแรงงาน ซึ่งมุมมองดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจและตลาดแรงงานภายในประเทศ
ทั้งนี้ พาวเวลกล่าวว่า “แม้อัตราว่างงานจะยังคงต่ำจนถึงเดือนส.ค. แต่การจ้างงานใหม่ได้ลดลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดแรงงาน อันเนื่องจากการอพยพและการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานที่ลดต่ำลง” และเสริมว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ได้ตอบสนองต่อสถานการณ์แรงงานในเดือนก.ย. ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงเช้าวันนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.2%
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดราคาสินค้าหน้าประตูโรงงาน ลดลง 2.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันยาวนานถึง 36 เดือน และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าอุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซาและความกังวลด้านการค้าได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจของจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 68)