BOJ มีมติคงดอกเบี้ยที่ 0.5% ในการประชุมครั้งแรกยุคนายกฯ ทาคาอิจิ

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ตามเดิม ในการประชุมนโยบายการเงินที่เสร็จสิ้นลงเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) นับเป็นการประชุมครั้งแรกภายใต้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมาโดยตลอด

แม้ผลการประชุมจะเป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ แต่กลับไม่เป็นมติเอกฉันท์ โดยคณะกรรมการ 2 ราย คือนาโอกิ ทามูระ และฮาจิเมะ ทาคาตะ ได้ลงมติคัดค้าน พร้อมเสนอให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75% ซึ่งถือเป็นการแสดงความเห็นต่างในทิศทางเดียวกันเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความท้าทายและความไม่แน่นอนหลายมิติ ทั้งจากภูมิทัศน์การเมืองในประเทศที่เปลี่ยนไปหลังการขึ้นสู่ตำแหน่งของทาคาอิจิ และแรงกดดันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ในประเด็นค่าเงินเยน

การประชุมครั้งนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเป็นครั้งแรกในยุคของนายกฯ ทาคาอิจิ ผู้สืบทอดนโยบาย “อาเบะโนมิกส์” ของอดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ ที่เน้นการผ่อนคลายทางการเงินอย่างเข้มข้น

จากที่ในอดีตเคยวิจารณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ว่าเป็นเรื่อง “โง่เขลา” ล่าสุดท่าทีของทาคาอิจิจะดูอ่อนลงและเน้นการทำงานร่วมกับ BOJ อย่างไรก็ตาม นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการคลังขนาดใหญ่ของทาคาอิจิยังถูกมองว่ามีแนวโน้มจะกดดันให้เงินเยนอ่อนค่าลงอีก

ประเด็นค่าเงินเยนที่อ่อนค่ายังคงสร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ โดยล่าสุด สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้แสดงความเห็นในเชิงกดดันให้ญี่ปุ่นดูแลเสถียรภาพของค่าเงินและดำเนินนโยบายการเงินอย่างเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่วิจารณ์ว่าญี่ปุ่นใช้ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า

BOJ ตัดสินใจคงดอกเบี้ยแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะอยู่สูงกว่าเป้าหมาย 2% มานานถึง 41 เดือนติดต่อกัน ประกอบกับภาคการส่งออกที่ยังคงเปราะบาง

คาซูโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ยังคงต้องนำพานโยบายการเงินของญี่ปุ่นฝ่าความไม่แน่นอนต่อไป อย่างไรก็ดี การที่ยังมีกรรมการ 2 รายโหวตสวนมติอย่างต่อเนื่อง ยังคงส่งสัญญาณว่าโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจมาถึงเร็วที่สุดในรอบการประชุมเดือนธ.ค. นี้

หลังการประกาศมติ เงินเยนได้อ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยตลาดกำลังรอฟังถ้อยแถลงของผู้ว่าการ BOJ ในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 68)