
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน เร่งรัด และติดตามนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อเร่งดำเนินการเรื่องการยกเลิกแก้ไขกฎระเบียบ ตั้งแต่พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ ที่สร้างภาระให้กับประชาชน ทั้งเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งเดิมมีผลศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และก่อนหน้านี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แก้ไขไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังมีเหลืออีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้มี 4 กระทรวงหลักที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเป็นจำนวนมาก คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“ผมรู้สึกหวั่น ๆ ใจว่าจะไปคุยกับ รมว.มหาดไทยอย่างไร เนื่องจากเป็นนายของผมด้วย แต่ก็ต้องคุย ต้องขอความร่วมมือกับรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ปลัดกระทรวง อธิบดี ลงไปขันชะเนาะลูกน้องให้รีบทำ รีบเลิก รีบแก้ หากทำไม่ได้จริง ๆ คอขาดบาดตาย ขอให้เสนอทางออกมาว่าจะทำอย่างไรให้เร็วขึ้น” นายบวรศักดิ์ กล่าว
สำหรับขั้นตอนนั้น ในเดือนแรกจะเป็นการประสานงาน เดือนที่ 2 หากยังไม่ขยับ ตนจะไปแจ้งเจ้ากระทรวงด้วยตัวเอง ให้เชิญปลัดกระทรวง อธิบดี และข้าราชการที่รับผิดชอบเรื่องนั้นมาขอความร่วมมือ และเดือนที่ 3 หากไม่สำเร็จก็จะคิดมาตรการขั้นต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นขั้นสุดท้าย ซึ่งหวังว่ากิโยตินที่ทำมาตั้งแต่ปี 2562 บัดนี้รวม 6 ปีแล้ว น่าจะสำเร็จเสร็จสิ้นลงในรัฐบาลนี้
“หากดำเนินการได้สำเร็จ จะส่งผลให้ตัวชี้วัดไทยจะเพิ่มขึ้น 3 ตัวชี้วัดอย่างแน่นอน คือ ตัวชี้วัดของความสามารถในการแข่งขันของ IMD ตัวชี้วัดเรื่องหลักนิติธรรม และตัวชี้วัดธรรมาภิบาลของธนาคารโลก” นายบวรศักดิ์ กล่าว
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การยกเลิกกฎระเบียบ และเปลี่ยนแปลงขั้นตอน และวิธีการในการพิจารณาอนุญาตเป็นเรื่องของบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี หรือของตน เพราะตนไม่ได้ทำธุรกิจอะไร แต่จะช่วยทำให้เรายกระดับสิ่งที่เรียกว่านิติธรรมของไทยขึ้น และจะเป็นการปูทางไปสู่การเข้าสู่ความเป็นสมาชิกของ OECD ซึ่งในเอเชียวันนี้ ผู้ที่เป็นสมาชิกมีจำนวนน้อยมาก
“ผมสอนลูกศิษย์เสมอว่า การจะเขียนกฎหมายอะไร อย่าคิดว่าตัวเองเป็นผู้มีอำนาจ แต่ให้คิดว่าเป็นประชาชนคนหนึ่ง ตั้งแต่เกิดจนถึงเชิงตะกอน ข้าราชการมีหมวก 2 ใบ ให้นึกถึงวันที่ตัวเองเกษียณราชการ และไปติดต่อกรมของตัวเอง” รองนายกรัฐมนตรี ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 68)




