นิวยอร์กประกาศภาวะฉุกเฉิน ก่อนรัฐบาลระงับโครงการช่วยเหลือด้านอาหารแก่คนยากจน

รัฐนิวยอร์กประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) เพื่อเตรียมรับมือกรณีรัฐบาลกลางระงับโครงการช่วยเหลือด้านอาหาร อันเป็นผลจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ

แคธี โฮชูล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กแถลงว่า รัฐได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม 65 ล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นกองทุนฉุกเฉินสำหรับจัดหาอาหารให้แก่ประชาชน พร้อมตั้งเป้าจัดสรรอาหารกว่า 40 ล้านมื้อให้แก่ชาวนิวยอร์กที่ได้รับผลกระทบ โดยการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้รัฐบาลปฏิเสธที่จะอนุมัติการใช้เงินสำรองหลายพันล้านดอลลาร์ที่กฎหมายอนุมัติไว้ ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบในแต่ละรัฐทั่วประเทศได้

รายงานระบุว่า การหยุดชะงักของรัฐบาลกลางครั้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงการความช่วยเหลือด้านอาหาร (SNAP) ซึ่งเป็นโครงการหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนรายได้น้อยเกือบ 42 ล้านคน หรือราว 12% ของประชากรทั้งประเทศ โดยผู้รับสิทธิ์ส่วนใหญ่มีรายได้อยู่ที่ระดับหรือใกล้ระดับเส้นความยากจนของรัฐบาลกลาง

ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ได้แจ้งต่อหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ให้ระงับการแจกจ่ายสิทธิประโยชน์ประจำเดือนพ.ย. จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ หลายรัฐได้เร่งออกมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยเจฟฟ์ แลนดรี ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนา ได้ลงนามประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อจัดสรรงบสำหรับผู้รับสิทธิ์ SNAP ขณะที่รัฐเวอร์มอนต์ก็ได้อนุมัติแผนงบประมาณเพื่อจ่ายสวัสดิการอาหารต่อเนื่องถึงวันที่ 15 พ.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 68)