
นางสาวศุภรัตน์ อารีย์วงศ์ Executive Director กลุ่มกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM”) เปิดเผยว่า SCBAM คัดกองทุน “4 ธีมเด่นสุดฮอต” ให้เลือกครบทั้งกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ที่เปิดสิทธิให้นักลงทุนสามารถใช้ลดหย่อนภาษีรวมกันได้สูงสุดถึง 800,000 บาท พร้อมจัดเต็มแคมเปญพิเศษ Fund Back เมื่อลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีที่ร่วมรายการ ทุกมูลค่าเงินลงทุนสะสมสุทธิ 50,000 บาท SCBAM มอบหน่วยลงทุนกองทุน SCBSFF มูลค่า 100 บาท สูงสุด 1,600 บาท(*) ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. 68-30 ธ.ค. 68
“ในภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัว แม้จะเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือมาตรการกีดกันทางการค้า แต่ในหลายประเทศเริ่มปรับตัวด้วยการเน้นพัฒนาเศรษฐกิจภายในมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงและลดการพึ่งพาการค้าโลกที่ไม่แน่นอน ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นับเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ช่วยผ่อนคลายนโยบายการเงินทั่วโลก และส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุน โดยเฉพาะในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยเองก็มีโอกาสฟื้นตัวต่อได้ในระยะข้างหน้าจากการท่องเที่ยวและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการบริโภคภายในครัวเรือนจากรัฐบาลชุดใหม่
ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่เริ่มกลับมาเป็นบวกมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนในการทบทวนและวางแผนพอร์ตให้เหมาะสมกับเป้าหมาย โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญกับการบริหารภาษีจากรายได้ที่ได้รับตลอดทั้งปี การเลือกใช้กองทุนรวมที่เหมาะสมกับเป้าหมายในการช่วยลดหย่อนภาษี ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนในระยะยาว”
สำหรับกองทุนแนะนำใน “4 ธีมเด่นสุดฮอต” ที่ SCBAM คัดสรรมาเพื่อเป็นภารกิจลงทุนช่วงปลายปี ประกอบด้วย
1) กองทุน Flagship ที่มอบความมั่นใจทุกการลงทุน นำโดยกองทุน SCBRMS&P500 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส เพื่อการเลี้ยงชีพ เน้นลงทุนในหุ้นใหญ่ของบริษัทสหรัฐฯ จำนวน 500 บริษัทตามดัชนี S&P500 และกองทุน SCBTM (ThaiESG) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไทยผสมยั่งยืน (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) ลงทุนผสมยืดหยุ่นในตราสารหนี้ และหุ้นไทยที่โดดเด่นด้าน ESG
2) กองทุนมหาอำนาจด้านนวัตกรรม เริ่มต้นด้วยกองทุน SCBRMNDQ(A) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส เอ็นดีคิว เพื่อการเลี้ยงชีพ (ชนิดสะสมมูลค่า) เน้นลงทุนในหุ้น Big Tech ของสหรัฐฯ จำนวน 100 บริษัทตามดัชนี Nasdaq-100 และกองทุน SCBRMCTECH กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ China Technology เพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของจีน ตามดัชนี FTSE China Incl A 25% Technology Capped
3) ก้าวตามดัชนีชั้นนำทั้งระดับโลกและไทย ด้วยกองทุน SCBRMWORLD(A) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ดัชนีหุ้นโลก เพื่อการเลี้ยงชีพ (ชนิดสะสมมูลค่า) เน้นลงทุนในหุ้นจากประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก ตามดัชนี MSCI World และกองทุน SCBTP(ThaiESG) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนพาสซีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) ที่บริหารเชิงรับตามดัชนี SETESG และพลาดไม่ได้กับธีมสุดท้าย
4) ลงทุนได้อย่างเหนือชั้นกับกองทุน Active คุณภาพ นำทัพโดยกองทุน SCBRMUSA(A) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส แอคทีฟ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ชนิดสะสมมูลค่า) บริหารเชิงรุกที่คัดมาให้เน้น ๆ กับหุ้นสหรัฐฯ ศักยภาพสูง และกองทุน SCBTA(ThaiESG) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนแอคทีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) กองทุนหุ้นไทยที่บริหารเชิงรุก คัดสรรหุ้นไทยที่โดดเด่นด้าน ESG และปิดท้ายด้วยกองทุน SCBTD(ThaiESG) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนปันผล (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) กองทุนหุ้นไทยที่บริหารเชิงรุก โดยเฟ้นหาหุ้นไทยปันผลที่โดดเด่นด้าน ESG
นางสาวศุภรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยในปีนี้อาจยังมีความผันผวนในระยะสั้นจากปัจจัยภายนอก แต่ในมุมมองระยะยาวยังคงมีโอกาสที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่บรรยากาศการลงทุนเริ่มกลับมาเป็นบวกมากขึ้น นักลงทุนสามารถใช้จังหวะนี้ในการวางแผนลงทุนควบคู่ไปกับการจัดการภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง SCBAM ได้เตรียมกองทุน RMF และกองทุน Thai ESG ให้เลือกกว่า 38 กองทุน ครอบคลุมหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก เพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว พร้อมสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีด้วย”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 68)





