
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวในรายการ “State of the Union” ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า บางภาคส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วเนื่องจากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูง พร้อมเน้นย้ำถึงข้อเรียกร้องที่ต้องการให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย
เบสเซนต์เปิดเผยในรายการดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (2 พ.ย.) ว่า แม้เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง แต่อัตราดอกเบี้ยจำนองที่สูงยังคงเป็นอุปสรรคต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับกล่าวว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์กำลังอยู่ในภาวะถดถอยอย่างแท้จริง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักที่สุดต่อผู้บริโภคระดับล่าง เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้มีหนี้สิน ไม่ใช่ทรัพย์สิน โดยในการแสดงความเห็นครั้งนี้ เบสเซนต์กล่าวโทษว่า นโยบายการเงินของเฟดเป็นต้นเหตุที่ทำให้ปัญหาต่าง ๆ ลุกลาม
รายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ทรงตัวที่ระดับ 74.8 ในเดือนก.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.6%
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณหลังการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เฟดอาจจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากเบสเซนต์ และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยสตีเฟน มิแรน หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า การที่เฟดยังคงคุมเข้มนโยบายการเงินเช่นนี้เป็นเวลานานเกินไป และไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็มีความเสี่ยงที่นโยบายการเงินของเฟดจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ มีแรน เป็น 1 ใน 2 ของกรรมการเฟดที่ไม่เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ต.ค. โดยเขาโหวตสนับสนุนให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในการประชุมวันดังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 68)





