ASW เผยรายได้ 9 เดือนโตต่อเนื่องรับภูเก็ตหนุน โค้งสุดท้ายลุยเปิด 3 โครงการใหม่ 9.7 พันลบ.

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซทไวส์ [ASW] เปิดเผยว่า ASW ยังคงเดินหน้าตามแผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3/68 ทำรายได้เติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 43% (QoQ) ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ก.ย. 2568) ASW ทำรายได้สะสมทั้งสิ้น 6,250 ล้านบาท พร้อมกำไรสุทธิสะสม 689 ล้านบาท และสร้างยอดขายกว่า 17,474 ล้านบาท คิดเป็น 90% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 19,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวมาจากการบริหารพอร์ตโครงการสร้างเสร็จใหม่ และโครงการพร้อมอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโครงการที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์โดดเด่นในไตรมาส 3/68 ได้แก่ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา (THE TITLE Legendary Bang-Tao) โครงการ Leisure Condominium ในภูเก็ต ภายใต้การพัฒนาของบมจ. ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ [TITLE] บริษัทย่อยในเครือ ที่ทยอยรับรู้รายได้มาตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/68 ต่อเนื่องจนถึงไฮซีซั่นนี้ รวมถึงแอทโมซ แคนวาส ระยอง (Atmoz Canvas Rayong) และเคฟ ซี้ด เกษตร (Kave Seed Kaset) ทั้งนี้บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3 รวมทั้งสิ้น 32,861 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องได้จนถึงปี 2570

ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 3/98 อยู่ที่ 289.46 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/67 ที่ 450.60 ล้านบาท และกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 68 อยู่ที่ 689 ล้านบาท ลดลงจาก 9 เดือนปี 67 ที่มีกำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท

นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน Strategic Location ซึ่งล่าสุด ASW ได้พิจารณาปรับแผนเปิดโครงการใหม่ปี 2568 เพิ่มเป็น 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 23,600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% จากแผนที่ประกาศไว้ โดยแบ่งสัดส่วนเป็นโครงการในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 18% และโครงการในภูเก็ต 82% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด เนื่องจากภูเก็ตเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม รวมถึงการเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง และกลุ่ม Digital Nomad ให้เข้ามาพักอาศัยระยะยาว ทำให้ภูเก็ตเป็นทำเลที่มีดีมานด์แข็งแกร่งและรักษาการเติบโตได้ในทุกสภาพตลาด

ในช่วงไตรมาส 4/68 บริษัทวางแผนเปิดโครงการ Leisure Condominium ใหม่ในภูเก็ต 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,700 ล้านบาท ได้แก่ 1.โคราลิน่า กมลา (Coralina Kamala) คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ใกล้หาดกมลาที่ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุน จำนวน 564 ยูนิต มูลค่ารวม 3,900 ล้านบาท 2.เดอะ ไทเทิล เซียร่า (THE TITLE Sierra) จำนวน 452 ยูนิต มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท และ 3.เดอะ บาลโคนี ในยาง (The Balcony Naiyang) จำนวน 542 ยูนิต มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ASW ยังมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ในไตรมาส 4 ที่จะทยอยโอนเพื่อรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้เพิ่มอีก 1 โครงการ คือ โครงการ เคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland) คอนโดใหม่ใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต มูลค่าโครงการกว่า 2,550 ล้านบาท ไฮไลท์อยู่ที่ส่วนกลางใหญ่และให้มากที่สุดในย่าน ซึ่งจะเป็นอีกแรงหนุนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10,500 ล้านบาท

“ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ASW สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามแผนส่วนใหญ่ที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ทั้งการโอนส่งมอบโครงการตามกำหนดและการเปิดโครงการใหม่ โดยเราติดตามและประเมินทิศทางตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อมองหาโอกาสและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งช่วงไตรมาสสุดท้ายเป็นจังหวะสำคัญของตลาดอสังหาฯ เพราะมีปัจจัยหนุนทั้งจากแคมเปญของผู้ประกอบการ มาตรการกระตุ้นจากรัฐ การลดดอกเบี้ยนโยบายที่ช่วยลดภาระการผ่อนของผู้บริโภคและลดต้นทุนการเงินของผู้ประกอบการ รวมถึงการเข้าสู่ไฮซีซั่นการท่องเที่ยว ทำให้ภาพรวมตลาดคึกคักมากขึ้น บวกกับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากการเปิดตัวโครงการในภูเก็ตที่ผ่านมา เราจึงรักษาโมเมนตัมโดยขยายการลงทุนในทำเลศักยภาพแห่งนี้ต่อเนื่อง เชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง รักษาการเติบโตของยอดขาย รายได้ และกำไรของ ASW ได้อย่างมั่นคงทั้งในปีนี้และในระยะยาว” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ย. 68)