
นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีฟื้นตัวตามตลาดต่างประเทศ หลังสถานการณ์ชัตดาวน์รัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีโอกาสใกล้ยุติ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น ขณะที่ในประเทศยังได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ โดยให้กรอบแนวรับ 1,300 จุด และแนวต้าน 1,320 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดฟื้นตัวตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังสถานการณ์ชัตดาวน์รัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีโอกาสใกล้ยุติ ประกอบกับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะเงินเฟ้อเดือนต.ค. เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น คาดว่าจะช่วยลดความกังวลเรื่องเงินฝืดของจีนได้บ้าง
สำหรับปัจจัยในประเทศ ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลเปิดเผยว่าจะเตรียมออกโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ซึ่งเป็น Sentiment ที่ดี ช่วยให้ตลาดโดยรวมมีโอกาสฟื้นตัว
โดยให้กรอบแนวรับ 1,300 จุด และแนวต้าน 1,320 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,987.10 จุด เพิ่มขึ้น 74.80 จุด หรือ +0.16%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,728.80 จุด เพิ่มขึ้น 8.48 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,004.54 จุด ลดลง 49.45 จุด หรือ -0.21%
-ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าปิดบวก ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,319.40 จุด เพิ่มขึ้น 77.57 จุด หรือ +0.29% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 4,001.79 จุด เพิ่มขึ้น 4.23 จุด หรือ +0.10% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 50,645.27 จุด เพิ่มขึ้น 368.90 จุด หรือ +0.73%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 พ.ย.) 1,302.91 จุด ลดลง 10.40 จุด (-0.79%) มูลค่าซื้อขาย 29,054.05 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (7 พ.ย.) 2,730.58 ล้านบาท
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. (7 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 59.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 พ.ย.) อยู่ที่ 6.52 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.34/36 ตลาดจับตาสถานการณ์ชัตดาวน์สหรัฐฯใกล้จบ คาดกรอบวันนี้ 32.30-32.45
– “อนุทิน” โรดโชว์ที่สิงคโปร์ ปลื้มนักลงทุนสถาบันระดับโลกร่วมรับฟังเพียบ ชูนโยบาย Quick Big Win ดำเนินการสั้นแต่ได้ผลลัพธ์ยั่งยืน ย้ำไทยเป็น “ประเทศแห่งโอกาส” จีดีพีปี 68 โต 2.4% หนี้สาธารณะต่ำ 64.6% ย้ำปลายเดือน ม.ค.นี้ ยุบสภาแน่ และเลือกตั้งภายใน มี.ค. 69
– ‘พิพัฒน์’ กลับลำ หลังบอร์ดอีอีซี สั่งรฟท.ถกเอกชน เคลียร์ปมอัยการตอบกลับ 18 ข้อ แก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน เพิ่มออปชัน ลากไฮสปีดยาวถึงตราด จูงใจเอกชน เผยผลศึกษาแบ่งก่อสร้าง 4 เฟส
– “อนุทิน” สั่งลุยขยายอายุเกษียณราชการพลเรือนสามัญ เร่งสรุป ธ.ค.นี้ มอบ ก.พ.ร่วมกรมบัญชีกลาง สำนักงบฯ กบข.ทำงานเตรียมพร้อม สังคมสูงอายุ แรงงานลด เล็งใช้โมเดล “โออีซีดี” เกษียณ 65 ปี เน้นสายงานวิชาการ-ชำนาญการ ไม่กระทบฝ่ายบริหาร ใช้ฐานเงินเดือนเดิมตอน 60 ปี ไม่กระทบงบบำนาญ สศช. ชี้จ้างเกษียณต้องยืดหยุ่น รัฐต้องหนุนจ้างงานต่อเนื่อง คำนึงความสามารถก่อนดูอายุ ด้านสปส.ชงขยายอายุแรกเข้า ม.33 เป็น 65 ปี
– กรมศุลฯงัดมาตรการภาษีรอบใหม่ เก็บอากรสินค้าออนไลน์ตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ดีเดย์ปีใหม่นี้ คาดได้เงินเข้ารัฐเพิ่มปีละ 3,000 ล้าน ชี้คนนิยมช็อปออนไลน์สินค้านอก ปีที่แล้วทะลัก 20 ล้านกล่อง บ่นตรวจไม่ไหว “ภาวุธ” เห็นด้วย จี้รัฐดึงแพลตฟอร์มจดทะเบียนในประเทศ ขณะที่อีคอมเมิร์ซจีนพลิกเกมสู้เล็งปีหน้าอัดโปรวันคนโสด ลากยาวเป็นเดือน
– CAAT นัดถกสมาคมสายการบิน หาข้อสรุปก่อนชงกบร.ไฟเขียว หลัง 3 หน่วยงานภาครัฐ CAAT ทอท. ทย. ขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการบินให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน หลังไม่ได้ปรับมา 10 ปีแล้ว ย้ำต้องบาลานซ์ความจำเป็นสมดุลด้านค่าใช้จ่ายของหน่วยงาน สายการบินสามารถอยู่รอด ขณะที่ค่าโดยสารต้องมีความเป็นธรรมสมเหตุสมผล
– รัฐ-นักวิชาการ-เอกชนเห็นพ้อง “ขยายอายุเกษียณ” ไม่เพียงพอกับการแก้ปัญหาสังคมผู้สูงวัย หวั่นกระทบโครงสร้างตลาดแรงงาน แนะปฏิรูประบบออม-บำนาญ สิทธิและสวัสดิการทั้งระบบ สร้างตลาดแรงงานสูงวัยแบบสมัครใจ ยืดหยุ่น เฉพาะตำแหน่ง ส่งเสริมความรู้ด้านการเงิน
– สนค.มองภาพรวมเศรษฐกิจอยู่ในภาวะการขยายตัวต่ำ เงินบาทแข็งค่า สินค้าอีคอมเมิร์ซไหลเข้า จับตาภาคอีสาน ราคาสินค้า-รายได้-การใช้จ่ายลดกดดันเศรษฐกิจ แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
หุ้นเด่นวันนี้
– บมจ. กลุ่มสมอทอง เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร โดยใช้ชื่อย่อ “SMO” ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เพื่อขยายกำลังการผลิตและบูรณาการในห่วงโซ่อุปทานน้ำมันปาล์มดิบ เสริมความแข็งแกร่งด้าน ESG และประสิทธิภาพการดำเนินงาน ตลอดจนยกระดับการเชื่อมโยงกับเครือข่ายเกษตรกร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทย โดยราคา IPO หุ้นละ 5.40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนจากหุ้นใหม่ 1,250.64 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,968 ล้านบาท
– TACC (พาย)”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท ผลประกอบการไตรมาส 3/68 โดดเด่นมากโดยบริษัทรายงานรายได้ 619 ล้านบาท (+28.6%YoY) พร้อมกับกำไรสุทธิที่ 90 ล้านบาท (+49%YoY) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สาเหตุจากการ
– PR9 (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท รายงานกำไรปกติ ไตรมาส 3/68 ที่ 223 ลบ. +23%q-q, +7%y-y ทำ New High ตามคาดหนุนจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 7% q-q, =11% y-y ซึ่งหลักๆมาจากผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นที่สถิติสูงสุดใหม่ และยังส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวเล็กน้อย รวมถึงค่าใช้จ่ายภาษีที่ลดลง แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/68 น่าจะทรงตัว q-q แต่เพิ่มขึ้นแข็งแรกง y-y หนุนจากผู้ป่วยต่างชาติจากตลาดใหม่อย่าง ออสเตรเลียและคาซึคสถาน คงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 826 ลบ. +16% y-y
– DOHOME (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.00 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 102 ล้านบาท (+32%y-y) ดีกว่าตลาดคาด 15% แม้ SSSG จะยังคงติดลบ -11% แต่อัตราการทำกำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 17.7% จาก 16.4% ในไตรมาส 3/68 โดยเน้นขายกลุ่มสินค้าที่มี margin สูง ผสานกับการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีมากขึ้น เราคาดว่าการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเตรียมเข้าสู่วงจรขาขึ้นรอบใหม่ ผสานกับระยะสั้นคาดได้อานิสงส์เพิ่มเติมจากโครงการคนละครึ่งพลัส
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 68)





