
ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อขยายเวลาการจัดเก็บภาษีนำเข้าข้าวในอัตรา 15% ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568 ก่อนที่จะเริ่มใช้อัตราภาษียืดหยุ่นระหว่าง 15% – 35% ตั้งแต่ปี 2569 โดยขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดโลก
คำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ลงนามเมื่อวันที่ 7 พ.ย. แต่เผยแพร่ในวันที่ 9 พ.ย. ระบุว่า การปรับอัตราภาษีนำเข้าตามความเคลื่อนไหวของราคาข้าวในตลาดโลก จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป
ภายใต้คำสั่งดังกล่าว “อัตราภาษีนำเข้าจะเพิ่มขึ้น 5% สำหรับการลดลงทุก ๆ 5% ของราคาข้าวในตลาดโลก หรือลดลง 5% สำหรับการเพิ่มขึ้นทุก ๆ 5% ของราคาข้าวในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีนำเข้าข้าวทั้งส่วนที่เป็นโควตาและนอกโควตา จะต้องไม่ต่ำกว่า 15% หรือสูงกว่า 35% ไม่ว่ากรณีใด ๆ” คำสั่งระบุ
นอกจากนี้ ปธน.มาร์กอสยังได้จัดตั้งคณะทำงานระหว่างหน่วยงานเพื่อกำหนดแนวทางในการบังคับใช้มาตรการภาษีดังกล่าว รวมทั้งการติดตามและปรับอัตราภาษีนำเข้าข้าวตามการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดโลก
ก่อนหน้านี้ ฟิลิปปินส์ได้สั่งห้ามนำเข้าข้าวเป็นการชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2568 เพื่อปกป้องเกษตรกรในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวสูงสุด
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก แสดงให้เห็นว่า ณ สิ้นเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าว 3.5 ล้านตันนับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งมากกว่าปริมาณที่จำเป็นประมาณ 800,000 ตัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 68)





