
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังเป็นประธาน มีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงานภายใต้มาตรการเร่งรัดการลงทุน และแก้ไขปัญหาด้านการลงทุน โดยเห็นชอบการขับเคลื่อนระบบ FastPass ในระยะแรก เพื่อเร่งรัดการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาต ที่สำคัญจาก 7 หน่วยงาน ได้แก่ บีโอไอ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกรมการจัดหางาน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งคาดว่าจะลดเวลาในการพิจารณาได้ 20-50%
อีกทั้งบอร์ดบีโอไอ ยังได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเร่งรัดการลงทุน (FastPass) โดยมีเลขาธิการบีโอไอเป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ/อนุญาต อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน กพร.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.), กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.), การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.), สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และสำนักงาน EEC โดยมุ่งเป้าในการขยายระบบ FastPass ให้ครอบคลุมขั้นตอนหลักในการอนุมัติ/อนุญาต ที่ส่งผลต่อการเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย
- เร่งเครื่องแก้ไขอุปสรรคการลงทุน 3 ด้าน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านการลงทุน เพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) และสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถเริ่มลงทุนได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอุปสรรค 3 ด้านสำคัญ ที่เป็นปัญหาร่วมกันของหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ ด้านไฟฟ้า ด้านการจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน และด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน โดยมีความคืบหน้าดังนี้
- ด้านไฟฟ้า ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และบีโอไอ โดยมี รมว.พลังงาน เป็นประธาน สรุปผลการประชุม 2 เรื่องสำคัญ คือ
1) การจัดหาไฟฟ้าสำหรับกิจการ Data Center ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าปริมาณสูงให้ กกพ. เร่งจัดทำกลไกการวางหลักประกันการใช้โครงข่ายระบบไฟฟ้า ให้ผู้ประกอบการรับประกันความต้องการใช้ไฟฟ้าของตนเอง เพื่อให้การไฟฟ้าสามารถวางแผนลงทุนขยายโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าให้รองรับ และสามารถออกหนังสือแจ้งความสามารถในการจ่ายไฟเพื่อให้ผู้ประกอบการเริ่มโครงการได้ทันที
2) เรื่องกลไกพลังงานสะอาด กกพ. อยู่ระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์เพื่อให้บริการไฟฟ้าสีเขียว (UGT2) และโครงการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct PPA) ซึ่งคาดว่าการกำหนดหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียม จะแล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มทางเลือกพลังงานสะอาดให้แก่ผู้ลงทุน โดยบีโอไอจะประสานงานติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
- ด้านการจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน ที่ประชุมได้มอบให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ประสานงานกับสำนักงาน EEC และ กนอ. พิจารณาทบทวนการวางผัง และปรับปรุงผังเมืองรวมและผังชุมชน เพื่อกำหนดแนวทางการเพิ่มพื้นที่สำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ให้รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต พร้อมทั้งเร่งรัดกระบวนการอนุมัติ EIA สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม และเร่งแก้ปัญหาโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตเปลี่ยนแปลงสภาพทาง และลำรางสาธารณะโดยเร็ว
- ด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน มีมติให้เร่งรัดการออก e-Visa สำหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติจากบีโอไอในขั้นตอนการพิจารณาของสถานทูต ณ ประเทศต้นทาง ให้แล้วเสร็จภายใน 1-5 วันทำการ และให้เพิ่มบุคลากรที่ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (OSS) เพื่อรองรับการให้บริการจาก 200 คิวต่อวัน เป็น 500 คิวต่อวัน รวมทั้งขอให้กรมการจัดหางานเร่งแก้ปัญหาระบบ e-Work Permit เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคและเกิดความซ้ำซ้อนกับระบบ Single Window ของบีโอไอที่มีความเสถียรและสามารถออกใบอนุญาตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 68)





