
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้สั่งชะลอการลงนามในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 68 ซึ่งเสนอในสมัยรัฐบาลก่อนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
โดยจากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีแรงงานสัญชาติกัมพูชาเกือบ 1 แสนคน ที่ใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือน ก.พ. 68 และไม่สามารถยืนยันตัวตน หรือที่อยู่ได้อย่างชัดเจน หากอนุญาตให้อยู่ต่อโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง รวมถึงปัญหาการลักลอบเข้าเมืองหรืออาชญากรรมข้ามชาติ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้เป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมกำชับให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงาน ร่วมกันทบทวนรายละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยหลังจากนี้ จะมีการทบทวนมติ ครม.ใหม่ เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างรอบคอบอีกครั้ง
ทั้งนี้ มติครม. เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 68 มีสาระสำคัญ คือ การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม ที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุ สามารถอยู่และทำงานต่อได้ชั่วคราวเป็นเวลา 1 ปี เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แต่ยังต้องได้รับการลงนามโดย รมว.มหาดไทยก่อน จึงจะมีผลบังคับใช้
“รัฐบาลชุดนี้ ยึดหลักปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และจะไม่เร่งรัดดำเนินการใด ๆ จนกว่าข้อมูล และหลักฐานทุกอย่างจะถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 68)




