
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ [BAM] กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมเสนอแผนการดำเนินงานใยปี 69 ของ BAM ต่อคณะกรรมการบริษัทในช่วงเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าจะตั้งเป้าหมายผลเรียกเก็บหนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปีนี้ที่มั่นใจว่าทำได้ตามเป้า 1.78 หมื่นล้านบาท
บริษัทจะทยอยปรับเพิ่มผลการเรียกเก็บต่อเดือนเพิ่มเป็น 1.7 พันล้านบาท จากเฉลี่ย 9 เดือนที่ผ่านมาผลเรียกเก็บของ BAM ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 1.5 พันล้านบาท จากในอดีตที่เคยอยู่ในระดับ 1 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทมีการบริหารจัดการลูกค้าในพอร์ตของ BAM ได้ดีขึ้น และการที่ BAM มีการร่วมทุนกับสถาบันการเงินในการตั้ง JV AMC ซึ่งปัจจุบันมี 2 บริษัท ได้แก่ ARI AMC ที่ร่วมกับธนาคารออมสิน และ ARUN กับธนาคารกสิกรไทย [KBANK] ทำให้สามารถเพิ่มศักยภาพของผลเรียกเก็บที่เข้ามาได้ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน BAM ยังมีแผนร่วมทุนกับสถาบันการเงินในการตั้ง JV AMC เพิ่มขึ้นเพื่อเสริมศักยภาพการสร้างการเติบโตให้กับ BAM โดยที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในการร่วมทุน JV AMC กับสถาบันการเงินรายใหญ่ 2 รายในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินงานของ BAM โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาทรัพย์ที่จะนำมาร่วทกันบริหารและโมเดลของธุรกิจ
หลังจากนี้ BAM จะมีความมุ่งมั่นในการผลักดันในด้านของ Ratio เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และผู้ถือหุ้นของ BAM มากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ที่ต้องการให้เพิ่มขึ้นอีก 1.4-1.5% จาก 9 เดือนที่ผ่านมา ROA อยู่ที่ 4.36% รวมไปถึงการทยอยลดการกู้เพื่อซื้อทรัพย์ลงเพื่อทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงมาที่ 1.8-1.9 เท่า จาก 9 เดือนที่ผ่านมา D/E อยู่ที่ 2.02 เท่า เพื่อทำให้ BAM มีต้นทุนทางการเงินลดลง และนำศักยภาพของทรัพย์ที่บริหารมาสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 68 ผลเรียกเก็บสูงถึง 13,803 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 10,910 ล้านบาท หรือโตถึง 27% และมีกำไร 1,695 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,079 ล้านบาท รวมทั้งแซงหน้ากำไรของปี 67 ที่ทำได้ 1,602 ล้านบาทแล้ว
ผลงานทางด้าน NPL ยังเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ด้วยแนวทางที่ให้โอกาสลูกหนี้ในการได้หลักประกัน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินกลับคืนไปด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน และมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถฟื้นฟูกิจการหรือสถานะทางการเงินของตน โดยปรับโครงสร้างหนี้และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ด้วยกระบวนการ Recycling Machine ซึ่งมีเป้าหมายในการเร่งสร้างโรงงานแก้หนี้ (TDR Factory) เพื่อฟื้นฟูให้ลูกหนี้กลับมามีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น พร้อมเดินหน้าการทำ NPL Partnership ด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงิน รวมทั้งการทำ JV Window หรือการสร้างรายได้ด้วยโมเดลการบริหารเพื่อแบ่งกำไร และโมเดลการรับจ้างบริหาร
ปัจจุบัน BAM มี NPL ที่อยู่ในความดูแล 90,150 ราย คิดเป็นภาระหนี้ 491,912 ล้านบาท และ NPA จำนวน 28,287 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 78,569 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 68)





