เคาะแล้ว! แผนการคลังระยะปานกลาง หนุนศก.โตยั่งยืน ลดขาดดุลเหลือ 3% ในปี 72

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังว่า การประชุมแผนการคลังวันนี้สำคัญมาก เนื่องจากที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกปรับลดมุมมองจาก Stable เป็น Negative จากสถาบันจัดอันดับเครดิต (Credit Rating Agencies)

ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับวินัยการคลังเป็นอย่างมาก ภายใต้นโยบาย Quick Big Win 5 เสาหลัก 1 ฐานราก ซึ่ง “ฐานราก” นี้คือการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ โดยรัฐบาลต้องการให้แผนการคลังระยะปานกลาง (Medium Term Fiscal Framework : MTFF) เป็นการส่งสัญญาณความมุ่งมั่นด้านวินัยการคลังที่น่าเชื่อถือ ผ่าน 3 แนวทางหลัก

1. การกำหนดแนวทางการจัดการด้านการคลัง ทั้งด้านรายได้ รายจ่าย และหนี้สินให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม

หลักสำคัญ คือ รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะปรับลดการขาดดุลการคลังสู่ระดับมาตรฐานไม่เกิน 3% ของ GDP ภายในปี 2572 ขณะที่การขาดดุลงบประมาณในปีงบ 70 จะต่ำกว่าปีงบ 69 อย่างมีนัยสำคัญ โดยปีงบ 69 ขาดดุลงบประมาณที่ 8.6 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 4.4% ของ GDP พร้อมทั้งยืนยันว่า จะไม่มีการขยายเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ระดับ 70% ต่อ GDP และตามแผน MTFF นั้น สัดส่วนเพดานหนี้สาธารณะ จะไม่เกินไปกว่ากรอบเพดานเดิม

2. การปรับปรุงและเพิ่มกฎเกณฑ์การคลัง รวมถึงการยกระดับความโปร่งใสเกี่ยวกับต้นทุนการคลังต่าง ๆ รวมถึงรายได้สูญเสียจากสิทธิประโยชน์ภาษีต่าง ๆ เพื่อทำให้เราสามารถบังคับวินัยการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยหลังจากนี้ไป จะมีแนวทางที่ชัดเจนในการรายงานมูลค่าของเงินภาษีที่สูญเสียไปจากการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลอย่างชัดเจน ซึ่งในส่วนนี้ จะรวมถึงมาตรการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ด้วย ทั้งหมดเพื่อความโปร่งใส แม้ว่าสุดท้ายตัวเลขการสูญเสียภาษีจากมาตรการต่าง ๆ อาจจะสูงมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริง

3. การวางแนวทางกำกับการดำเนินมาตรการกึ่งการคลัง ตามมาตรา 28 แห่งพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อเพิ่มความชัดเจนของการจัดการภาระการคลัง

โดยยังยืนยันที่จะใช้เพดานมาตรา 28 ที่ 32% เช่นเดิม แต่จะมีความเข้มงวดมากขึ้น ผ่านการนำกฎระเบียบของสำนักงบประมาณเข้ามาใช้ในการพิจารณาในกระบวนการอนุมัติโครงการที่จะใช้ตามมาตรา 28 รวมถึงจะมีการใช้เครื่องมือทางการคลังที่ไม่ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (TFF) และโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งทั้งหมดจะไม่ส่งผลกระทบกับงบประมาณลงทุน โดยสัดส่วนงบลงทุนจะยังอยู่ที่ 20% ของงบประมาณรายจ่ายตามเดิม แต่จะเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มข้น และไทยจะมีเครื่องมือในการวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาว

“แนวทางทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายร่วมกัน คือ สร้างความเชื่อมั่นให้สถาบันจัดอันดับเครดิต และสาธารณชนมั่นใจว่า ประเทศไทยสามารถปรับลดดุลการคลังสู่ระดับ 3% ของ GDP ภายในปี 2572 และยังสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมกับเป็นส่วนสำคัญของการวางรากฐานการเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว” รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง จะนำเสนอแผนการคลังระยะปานกลาง (MTFF) ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาในสัปดาห์หน้า (18 พ.ย.)

นายเอกนิติ ยืนยันว่า การเร่งดำเนินการเรื่องกรอบงบประมาณปี 2570 และแผน MTFF นั้น เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดอุปสรรคในการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน แม้ว่าจะมีการประกาศยุบสภา ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ระบุเอาไว้ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการเร่งจัดทำปฏิทินงบประมาณให้เร็วขึ้น เป็นการเตรียมความพร้อมของตัวเลขงบประมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเกิดการกระตุก

ด้านนายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณ จะเสนอให้ที่ประชุม ครม. วันที่ 25 พ.ย.68 ได้พิจารณาเห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2570 หลังจากนั้น สำนักงบประมาณจะเร่งพิจารณาคำขอของแต่ละหน่วยงาน และเสนอกรอบวงเงินงบประมาณปี 2570 ที่จะเสนอต่อสภาฯ เพื่อให้ ครม.เห็นชอบอีกครั้งภายในวันที่ 27 ม.ค.69 ทันก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาฯ

ทั้งนี้ ยืนยันว่าแม้จะมีการประกาศยุบสภา แต่ก็จะไม่มีผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2570 อย่างแน่นอน เพราะร่างงบประมาณดังกล่าว จะถูกเสนอให้ ครม. พิจารณาในวันที่ 27 ม.ค.69 เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหลังจากยุบสภาแล้ว ก็เพียงรอให้มีสภาฯ ชุดใหม่มาพิจารณาต่อ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 68)