จีนเตือนปชช.ทบทวนการเรียนต่อในญี่ปุ่น หลังสัมพันธ์การทูตร้าว

รัฐบาลจีนเรียกร้องพลเมืองของตนพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับการศึกษาต่อในญี่ปุ่น โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ท่ามกลางข้อพิพาททางการทูตระหว่างสองประเทศที่มีชนวนเหตุมาจากการแสดงความเห็นเมื่อไม่นานมานี้ของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ เกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จีนระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (16 พ.ย.) ว่า ความปลอดภัยสาธารณะในญี่ปุ่นย่ำแย่ลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยอ้างว่า การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมที่มุ่งเป้ามายังชาวจีนบ่งชี้ว่า พลเมืองจีนมีความปลอดภัยน้อยลงในญี่ปุ่น แต่ไม่ได้นำเสนอข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง

นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการของจีนยังเรียกร้องให้นักศึกษาจีนที่กำลังศึกษาในญี่ปุ่น รวมทั้งผู้ที่วางแผนจะไปศึกษาต่อในอนาคต เฝ้าติดตามสถานการณ์ความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ยกระดับการประเมินความเสี่ยง และใส่ใจความปลอดภัยส่วนบุคคลให้มากขึ้น

ผลสำรวจขององค์การบริการนักศึกษาญี่ปุ่นระบุว่า ณ เดือนพ.ค. 2567 มีนักศึกษาจีนรวมทั้งสิ้น 123,485 คนลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ในญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของจีนมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) จีนเพิ่งเรียกร้องให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น โดยเป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้ของจีนต่อถ้อยแถลงของทาคาอิจิในรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งจีนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่า แสดงนัยถึงความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงด้วยกำลังอาวุธในสถานการณ์ฉุกเฉินของไต้หวัน

รัฐบาลฮ่องกงออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันเมื่อวันเสาร์ (15 พ.ย.) ด้วยการประกาศเตือนผู้ที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น โดยอ้างถึง “แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของเหตุการณ์โจมตีพลเมืองจีนในญี่ปุ่น” นับตั้งแต่กลางปี 2568

ฮ่องกงเตือนประชาชนที่ตั้งใจจะไปเยือนญี่ปุ่นหรือกำลังอยู่ในญี่ปุ่นว่า “ควรใช้ความระมัดระวัง ใส่ใจในความปลอดภัยส่วนบุคคล และให้ความสนใจกับการประกาศในท้องถิ่นเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุด”

ตามข้อมูลขององค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่น นักเดินทางจากฮ่องกงมีจำนวนประมาณ 2.68 ล้านคนในปี 2567 ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 5

สำหรับชนวนเหตุความตึงเครียดระหว่างจีนกับญี่ปุ่นนั้นมาจากถ้อยแถลงของนายกฯ ญี่ปุ่นเมื่อต้นเดือนนี้ โดยทาคาอิจิได้กล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่า การโจมตีทางทหารของจีนต่อไต้หวันอาจเป็น “สถานการณ์ที่คุกคามความอยู่รอด” สำหรับญี่ปุ่น ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้สิทธิป้องกันตนเองร่วม (collective self-defense) ภายใต้กฎหมายความมั่นคงของประเทศ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 68)