หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าพักตัวตามตลาดสหรัฐกดดันกลุ่มชิ้นส่วนฯ เก็งกนง.ลดดอกเบี้ยหลัง GDP ไทยต่ำคาด

นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีพักตัว จากแรงกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังปรับฐานต่อ ซึ่งจะกดดันหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตลาดหุ้นไทย สำหรับปัจจัยในประเทศการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/68 ออกมาต่ำคาด อาจเร่งการลดดอกเบี้ยของกนง. รวมทั้งมีมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมในอนาคต โดยให้กรอบแนวรับ 1,270 จุด และแนวต้าน 1,290 จุด

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัยสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีพักตัว แรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ที่ยังปรับฐานต่อกดดันหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดหุ้นไทย โดยการพักตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการเปิดเผยผลประกอบการ NVIDIA เพื่อประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมชิปและ AI รวมทั้งมีแรงขายลดเสี่ยงก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขสำคัญในการประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

สำหรับปัจจัยในประเทศวานนี้ การเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/68 ออกมาต่ำคาด มองว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นตัวเร่งในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) หรือมีมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มขึ้นมาในอนาคต

วันนี้แนะติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดจะมีการพิจารณาโครงการคนละครึ่งพลัส ที่สนับสนุนฝั่งของผู้ประกอบการ

โดยให้กรอบแนวรับ 1,270 จุด และแนวต้าน 1,290 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (17 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,590.24 จุด ลดลง 557.24 จุด หรือ -1.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,672.41 จุด ลดลง 61.70 จุด หรือ -0.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,708.07 จุด ลดลง 192.51 จุด หรือ -0.84%

– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดเช้าลบ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 49,812.95 จุด ลดลง 510.96 จุด หรือ -1.02%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,172.27 จุด ลดลง 212.01 จุด หรือ -0.80% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,962.44 จุด ลดลง 9.60 จุด หรือ -0.24%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 พ.ย.) 1,280.07 จุด เพิ่มขึ้น 10.81 จุด (+0.85%) มูลค่าซื้อขาย 33,899.70 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (17 พ.ย.) 1,710.89 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. (17 พ.ย.) ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 59.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 พ.ย.) อยู่ที่ 4.09 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.48 คาดกรอบวันนี้ 32.40-32.60 จับตาทิศทาง Flow-ราคาทอง

– “เอกนิติ” มั่นใจจีดีพีปี 68 โตถึง 2% หลัง “สภาพัฒน์” คาดไตรมาส 4 ขยายตัว 0.6% เผยไตรมาส 3 ติดลบ 0.6% ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ไตรมาสที่ติดลบไตรมาสต่อไตรมาส แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค แนะไทยเดินหน้าเจรจาการค้าต่อเนื่อง รักษาบรรยากาศการค้าการลงทุนในปีที่มีการเลือกตั้ง ด้านนักเศรษฐศาสตร์ห่วงเศรษฐกิจไทยโตต่ำถาวร หากไม่เร่งปรับโครงสร้าง

– “ทีดีอาร์ไอ” ชี้เศรษฐกิจไทย “โตช้าเรื้อรัง” เสี่ยงถูกแซงหน้าในอาเซียน ชี้เป้ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นประเทศรายได้สูงปี 2579 “แทบบรรลุผลไม่ได้” แนะเร่งสร้าง “Good Jobs” และโมเดลการผลิตใหม่ “เอกนิติ”ย้ำ “4 เดือน” เวลาทอง วางฐานโมเดลการพัฒนาประเทศยุคใหม่ ชูกรอบวินัยการคลังเข้ม เร่งรีสกิล 1 แสนคน

– “เอกนิติ” ยันเจรจาการค้าสหรัฐยึดตามกรอบเดิมมอบ “พาณิชย์” ทำความเข้าใจสหรัฐ “กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ” หวังเจรจาจบสิ้นปีนี้ ย้ำแยกการค้ากับความมั่นคง “นักเศรษฐศาสตร์” ประเมินไทยเผชิญเสี่ยงรอบด้าน ทั้งการโตต่ำ เจรจาการค้าสะดุด เศรษฐกิจฟื้นช้ากว่าคู่แข่งในภูมิภาค ระยะสั้นกระทบ นักลงทุน ชะลอลงทุน

– “ศาลฎีกา” พิพากษากลับคดีที่กรมสรรพากรยื่นขอให้บังคับเรียกเก็บภาษี “ทักษิณ” จากการขายหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้านบาท “สรรพากร” เร่งนำคำพิพากษามาพิจารณาดำเนินการจัดเก็บภาษี คาดบังคับคดีได้ใน 1-2 เดือน เก็บรายได้เข้ารัฐ หลังปีงบ 68 พลาดเป้าภาษี ด้าน “Forbes” เผยทรัพย์สินทักษิณ 7.2 หมื่นล้านบาท

– 516 บจ.ตื่นตัวเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนฟรุตพรินต์มีเฉียด 300 บจ.เปิดข้อมูลผ่าน SETCabon ตลท.คาดดีมานด์เพิ่มจากเริ่มคำนวณ ESG และกำหนด Set 50 ต้องรายงานพร้อม 56-1 ประจำปี เริ่มปี 69 พร้อมสร้างระบบเชื่อมโยง ดึง 3 แบงก์ใหญ่เข้าร่วมหลังได้รับการรับรองจากอบก.คำนวณคาร์บอนกลางของประเทศ

– “วันนอร์” ย้ำความพร้อมเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญถกแก้ รธน.วาระสอง เดือน ธ.ค. ด้าน “ภราดร” กางไทม์ไลน์ ประชามติแก้ รธน.ต้องจบก่อนปีใหม่ ครม.ต้องส่ง กกต.ตั้งเรื่องไม่เกิน 15 ม.ค. สวน พท.วิจารณ์สูตร 20 หยิบ 1 บอก “อะไรก็ไม่ดีไปหมด” ประธานสภาฯ ย้ำยึด รธน.ม.151 วรรคสอง ยื่นญัตติซักฟอกแล้วห้ามรัฐบาลยุบสภา แม้มีคนโต้แย้ง มองก่อนบรรจุวาระยังมีอำนาจยุบสภา

*หุ้นเด่นวันนี้

– GULF (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท ผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดแนวโน้มไตรมาส 4/68 ยังสามารถเติบโตได้ โดยได้แรงหนุนจากโครงการลมในเยอรมนี และส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่มีแนวโน้มเร่งขึ้นต่อเนื่อง q-q จากการรับรู้ต้นทุนคลื่นที่ลดลงเต็มไตรมาส ผสานกับการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าใน US ที่มีการปรับค่าความพร้อมจ่ายเร่งขึ้น

– CPN (พาย) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 80 บาท ปัจจัยบวกจากไตรมาส 3/68 กำไรปกติรายไตรมาสทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง หลังจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจค่าเช่าได้รับผลดีจากการเปิด เซ็นทรัล พาร์ค ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นได้แม้เป็นฤดูฝน แนวโน้มช่วงไตรมาส 4/68 คาดรายได้เห็นการเติบโตได้ต่อหลังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีโครงการเตรียมโอนกว่า 2,000 ล้านบาท

– BEM (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 10.86 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อผลงานไตรมาส 3/68 ออกมาตามคาด และไตรมาส 4/68 มีโอกาสกำไรเติบโต QoQ จากการคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารโดยเฉพาะสายสีน้ำเงินมากขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ดีขึ้นช่วง High season และการเปิดตัว Dusit central park นอกจากนี้คาดการประกาศสัญญาสัมปทาน Double Deck จะเป็น upside ต่อราคาหุ้นในไตรมาส 4/68 เช่นกัน พร้อมกันนี้รัฐบาลกำลังศึกษาโครงการค่าโดยสาร 40 บาทตลอดสายคาดได้รับผลเชิงบวกต่อจำนวน ridership ที่มีแนวโน้มมากขึ้นหาค่าโดยสารถูกลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 68)

ข่าวล่าสุด