
โบรกเชียร์ “ซื้อ” หุ้น บมจ.บีซีพีจี [BCPG] แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/68 โตต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากรายได้ค่าความพร้อมจ่ายโรงไฟฟ้าก๊าซสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในฤดูหนาว ปริมาณน้ำเขื่อนลาวยังดีมากจากฤดูฝนยาวนาน รวมถึงการรับรู้รายได้เต็มปีโครงการพลังงานลมมอนซูนในลาว อีกทั้งโครงการใหม่ในเวียดนามและไต้หวันมหนุนกำไรปกติปี 69 โตแกร่ง
BCPG ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เท่าตัวใน 3 ปีจากแรงผลักดันของ New Business กลุ่ม Digital Infrastructure (Data center, Cloud service, Water management) และ Circular Economy ด้วยผลของกำไรเติบโตสูง ทำให้ D/E ratio ลดลงมากจาก 1.5x เมื่อสิ้นปี 66 เป็น 1.1x ปัจจุบัน เพิ่มโอกาสการลงทุนใหม่ รวมถึงโอกาสการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น
ราคาหุ้น BCPG ปิดตลาดวันนี้ 7.35 บาท
| โบรกเกอร์ | คำแนะนำ | ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) |
|---|---|---|
| โกลเบล็ก | ซื้อ | 12.00 |
| เอเซียพลัส | Outperform | 10.60 |
| อินโนเวสท์ เอกซ์ | Outperform | 10.50 |
| กรุงไทย เอ็กซ์สปริง | ซื้อ | 10.00 |
| ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล | ซื้อ | 10.00 |
| หยวนต้า | ซื้อ | 10.00 |
| ยูโอบี เคย์เฮียน | ซื้อ | 10.00 |
| กรุงศรี | ซื้อ | 9.40 |
| เคจีไอ | Outperform | 9.10 |
| แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ | ซื้อเก็งกำไร | 8.50 |
นายอาศิส ภมรานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองแนวโน้มผลงาน BCPG เติบโตดี โดยเฉพาะในไตรมาส 4/68 ยังแข็งแกร่ง เนื่องจากปริมาณฝนตกค่อนข้างมาก ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนอยู่ในระดับที่ดี แม้ปกติจะเป็นช่วงนอกฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว แต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.-พ.ย. 68) ยังสามารถเดินเครื่องได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/68 ซึ่งเป็นช่วงพีค ทำให้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในลาวไม่ได้ปรับตัวลงไปมาก
ขณะที่โรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เป็นปัจจัยหนุนให้ส่วนต่างราคาพลังงานยังปรับตัวได้ดี และภาพรวมผลประกอบการยังได้แรงหนุนจากโครงการพลังงานลมมอนซูนใน สปป.ลาว ซึ่งรับรู้รายได้จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ครบ หนุนให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/68 ของโครงการนี้พลิกกลับมาบวกได้
“ในช่วงไตรมาส 4 ปกติผลการดำเนินงานลดลง แต่ในไตรมาส 4/68 อาจไม่ได้ปรับตัวลง และอาจดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น”นายอาคิส กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 68 คาดการณ์กำไรเติบโต 34% จากปี 67 โดยหลักจากโครงการโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ที่รับรู้รายได้จาก Capacity Payment เพิ่มขึ้นมาใกล้ระดับ 300 เหรียญสหรัฐ/เมกะวัตต์/วัน และในปี 69 จะปรับเพิ่มเป็น 320 เหรียญสหรัฐ/เมกะวัตต์/วัน และปีนี้มีมรสุมเข้าทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนค่อนข้างดี
ขณะที่ในปี 69 BCPG จะรับรู้รายได้จากค่าความพร้อมจ่าย (Capacity Payment) ของโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ เต็มปี จากปีนี้ที่รับรู้ราว 5 เดือน ขณะเดียวกันก็จะรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานลมมอนซูนเต็มปีด้วย คาดการณ์ EBITDA ปี 69 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท
ปัจจุบันราคาหุ้น BCPG ลงมาจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น แต่แนวโน้มตั้งแต่ในไตรมาส 4/68 ต่อเนื่องจนถึงปีหน้า ผลการดำเนินงานยังดีอยู่ โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายของปีที่โดยปกติผลงานจะย่อตัวจากไตรมาส 3 แต่ปีนี้คาดว่าจะไม่ลดลง จึงแนะ “ทยอยซื้อสะสม” ได้ ให้ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือความผันผวนของ Spark Spread ในสหรัฐฯ และปริมาณน้ำในเขื่อนของ สปป.ลาว ในปีหน้า
ขณะที่ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า BCPG ได้จัดประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศงบไตรมาส 3/68 ประเด็นสำคัญคือโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ ยังเป็นแรงหนุนกำไรต่อเนื่อง
BCPG ตั้งเป้าหมาย EBITDA ปีหน้าเติบโตสูง +18.5% YoY จากคาด 4.9 พันล้านบาทปีนี้เป็น 5.8 พันล้านบาท หลักๆ จากการเติบโตสูงของโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ เพิ่มสัดส่วนเดิม 41% เป็น 48% หรือคิดเป็นกำไรส่วนเพิ่มราว 800 ลบ. ซึ่งมาจาก Capacity revenue 270 เหรียญสหรัฐ/MW-Day (ปี 68/69) เป็น 329 เหรียญสหรัฐ(ปี 69/70)
BCPG มองว่า Capacity revenue พื้นที่ PJM ยังเพิ่มขึ้นได้อีกใน 3 ปีข้างหน้าตามความต้องการไฟฟ้ากลุ่ม Data centers แต่โรงไฟฟ้าก๊าซสร้างใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7 ปี ซึ่งความไม่สมดุลระหว่าง Demand-Supply ยังจะช่วยหนุน Spark Spread ให้เพิ่มขึ้นด้วย ในปีหน้ากำไรยังถูกหนุนจากการรับรู้ Wind Farm เวียดนามเต็มปี คาดปิดดีล M&A ได้ใน 1-2 เดือนข้างหน้า และคาดเริ่มรับรู้ Solar ที่ไต้หวันช่วง มิ.ย.เป็นต้นไป ตามการทยอยสร้างเสร็จ 250 MW
ในระยะยาว BCPG ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เท่าตัวใน 3 ปีข้างหน้าจาก New Business .oกลุ่ม Digital Infrastructure (Data center, Cloud service, Water management) และ Circular Economy ด้วยผลของกำไรที่เติบโตสูง ทำให้ D/E ratio ลดลงมากจาก 1.5x เมื่อสิ้นปี 66 เป็น 1.1x ปัจจุบัน เพิ่มโอกาสการลงทุนใหม่ รวมถึงโอกาสการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มไตรมาส 4/68 ดีกว่าที่คาดก่อนหน้า จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว Capacity factor (CF) ไตรมาส 4/68 สูงถึง >90% (vs. 97% ไตรมาส 3/68, vs. 61% ไตรมาส 4/67) เมื่อรวมกับ Capacity revenue ที่เพิ่มขึ้น YoY ของโรงก๊าซสหรัฐฯ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มไตรมาสของ Monsoon (Wind ในลาว) 289.5 MWe ซึ่งเข้าสู่ High season CF 40-45% vs. 15.7% ไตรมาส 3/68 ทำให้เราคาดกำไรปกติ ไตรมาส 4/68F โดดเด่นต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นมาก YoY
เราคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” มองว่าโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ ยังเป็นแรงหนุนกำไรต่อเนื่องอย่างน้อยใน 3 ปีข้างหน้า แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/68 ดีกว่าที่ประเมินก่อนหน้า คาดเติบโตสูง YoY ขณะที่กำไรปีหน้าก็เติบโตสูงกว่ากลุ่มฯ ทั้งจากโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ การรับรู้ Monsoon เต็มปีและโครงการใหม่ (Wind ที่เวียดนาม และ Solar ที่ไต้หวัน)
บทวิเคราะห์ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า BCPG มีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจากกำไรปกติไตรมาส 3/68 แข็งแกร่งตามที่เราคาดการณ์ โดยอยู่ที่ 711 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์ไว้ เพิ่มขึ้นถึง 57% YoY และ 440% QoQ
ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งได้แรงหนุนหลักมาจากการรับรู้ผลประโยชน์เต็มไตรมาสจากค่าความพร้อมจ่ายที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ช่วยหนุนให้กำไรเพิ่มขึ้นราว US$4 ล้าน/เดือน (หลังหักภาษี) ในไตรมาส 3/68 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของ spark spread และปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,621 GWh ในไตรมาส 3/68 (-2.3% YoY แต่ +10.1% QoQ) Capacity factor เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 89% เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุง
นอกจากนี้โรงไฟฟ้าพลังน้ำก็มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปริมาณน้ำเข้าเขื่อนที่เพิ่มขึ้นและฤดูฝนที่ยาวนานขึ้น
ปัจจัยกระตุ้นที่ 2 แนวโน้มกำไรปกติแข็งแกร่ง คาดว่ากำไรปกติของ BCPG จะเติบโต 31% ในปี 68 และ 30% ในปี 69 หลักๆ ได้แรงหนุนจากการรับรู้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายที่เพิ่มขึ้นมากจากโรงไฟฟ้า CCGT ในสหรัฐฯ กำลังการผลิตรวม 857 MW ในรัฐโอไฮโอและเพนซิลเวเนียในครึ่งปีหลัง/68 และปี 69
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการเริ่ม COD โรงไฟฟ้าพลังงานลม Monsoon ขนาด 290 MW ในลาว (COD: ไตรมาส 3/68), กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 99 MW ในเวียดนาม (COD: ไตรมาส 4/68) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 108 MW ในไต้หวัน (COD: ครึ่งปีหลัง/69)
ปัจจัยกระตุ้น 3 ได้รับประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง นักเศรษฐศาสตร์ของเรามองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1 ครั้งในไตรมาส 4/68 และ 2 ครั้งในปี 69 การวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะเป็นผลดีต่อกลุ่มสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมีสัดส่วนการกู้ยืมที่สูง (โดยทั่วไปแล้วอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 3:1)
ทั้งนี้ BCPG มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยรวม 2.83 หมื่นล้านบาท (ณ สิ้น ไตรมาส 3/68) โดย 20.8% มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว การวิเคราะห์ความอ่อนไหวบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทุกๆ 0.50% จะทำให้กำไรปกติปี 69 ของ BCPG เพิ่มขึ้น 2.4%ก
เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ BCPG จากโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่ง ได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของรายได้ค่าความพร้อมจ่ายจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ และการเริ่ม COD โครงการต่างๆ ในแผนงาน
นอกจากนี้ BCPG ยังซื้อขายที่ PE ปี 69 เพียง 12.1 เท่า (ต่ำที่สุดในกลุ่ม เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 17.9 เท่า) และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดที่ 4.1% เราคงราคาเป้าหมายกลางปี 69 ไว้ที่ 10.5 บาท โดยอิงกับวิธี DCF (WACC 6.8% และการเติบโตระยะยาว 0.5%)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 68)





