
กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ประกอบด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ นายพิชิต ไชมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน รวมตัวกันที่หน้าสถานทูตมาเลเซีย ถนนสาทรใต้ เพื่อเรียกร้องให้นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน หยุดแทรกแซงกิจการในประเทศไทย กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยมีการอ่านแถลงการณ์ สาระสำคัญระบุว่า นับตั้งแต่มาเลเซียเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2568 นายอันวาร์ในฐานะผู้นำอาเซียน ได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยแก่ประชาคมอาเซียนและสังคมโลก ด้วยการแต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ไม่มีผู้ใดเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ และไม่มีใครทราบบทบาทที่แท้จริงของบุคคลทั้งสองในตำแหน่งนี้ต่อผลประโยชน์ของอาเซียน
ต่อมาเมื่อเกิดการปะทะโดยการเริ่มต้นของกัมพูชาบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ภายใต้การสั่งการของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ การกระทำของนายอันวาร์ ได้เรียกประชุมเจรจาหยุดยิงอย่างเร่งรีบที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ การริเริ่มของนายอันวาร์ครั้งนี้ ดำเนินการไปอย่างไม่รอบคอบและไม่อยู่บนพื้นฐานที่มั่นคง ส่งผลให้การปฏิบัติตามข้อเจรจาหยุดยิงล้มเหลว
การกระทำของนายอันวาร์ จงใจเปิดช่องให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในอาเซียน กระทบต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยตรง และได้ทำลายหลักการสำคัญ 2 ประการ ของสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือของอาเซียน (TAC) ซึ่งประกอบด้วย 1. การไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และ 2. การละเว้นจากการข่มขู่หรือการใช้กำลัง ในมิติระหว่างประเทศ
การกระทำของนายอันวาร์ ยังเป็นการคุกคามแนวคิดของอาเซียน ในฐานะกลไกป้องกันความขัดแย้งและแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ตลอดจนเจตนารมณ์ดั้งเดิมเรื่องความเป็นกลาง โดยประเทศไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงของสหรัฐและจีน หากอาเซียนไม่สามารถไกล่เกลี่ยความขัดแย้งผ่านกลไกภูมิภาคของตนเองได้ การแทรกแซงจากมหาอำนาจย่อมเสี่ยงทำให้อาเซียนถูกกันออกจากกระบวนการ นายอันวาร์ ได้อ้างหลักการแก้ไขข้อพิพาท ตามแนวทางวิถีอาเซียน คือการเจรจาผ่านกลไกภูมิภาค แต่ความคับแคบทางความคิดของนายอันวาร์ กลับทำให้การไกล่เกลี่ยเพื่อสันติภาพล้มเหลวอย่างประจักษ์ชัด
ประการแรก การเจรจาหยุดยิงครั้งแรกที่กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งนำไปสู่การประกาศ “ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์” เป็นการกระทำที่มุ่งสร้างภาพและขยายอิทธิพลทางการเมืองของนายอันวาร์ ขณะเดียวกันก็แสดงตัวเป็นผู้รับใช้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไร้เกียรติศักดิ์ศรีในฐานะผู้นำอาเซียน ขัดต่อจุดยืนของประชาชนมาเลเซียที่ต่อต้านการรุกรานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ภายใต้การสนับสนุนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งข้อตกลงดังกล่าวขาดองค์ประกอบสำคัญหลายประการของการหยุดยิงอย่างยั่งยืน เช่น เงื่อนไขการอ้างอิงเพื่อป้องกันการใช้กำลังรุนแรง การจัดตั้งกลไกตรวจสอบ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของความช่วยเหลือทางการทูตเพื่อคลี่คลายเจตจำนงทางการเมืองของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา แต่นายอันวาร์ กลับให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์มากกว่าการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
ประการที่สอง หลังจากนั้น นายอันวาร์ ยังเชิญอำนาจภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้แนวทางวิถีอาเซียน ในการบริหารจัดการข้อพิพาทภายในภูมิภาคไร้ความหมาย การกระทำและวาระของ นายอันวาร์ ที่มุ่งหวังผลประโยชน์ระยะสั้นด้านภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ ล้วนเกิดขึ้นโดยแลกกับความเป็นเจ้าของกลไกภูมิภาคของอาเซียน ผลประโยชน์ของ นายอันวาร์ คือ การสูญเสียของอาเซียนและการสูญเสียอำนาจอธิปไตยเขตแดนของไทย
การกระทำของนายอันวาร์ จึงเป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าอาเซียนโดยตรง นอกจากนี้ นายอันวาร์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดนใต้ของไทยมาโดยตลอด ทุกครั้งที่การเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ นายอันวาร์ จงใจส่งตัวแทนที่ไม่มีอำนาจสั่งหยุดยิงมาเจรจากับไทย ทั้งที่ทราบดีว่าใครเป็นผู้สั่งการตัวจริง และยังมีการเปลี่ยนผู้เจรจาอยู่เสมอ ทั้งเมื่อการเจรจามีความคืบหน้า นายอันวาร์ ก็จะปรับกระบวนการให้ไปเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายอันวาร์ มีส่วนสำคัญในการก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย
ในฐานะประชาชนคนไทย ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า มาเลเซียคือประเทศเพื่อนบ้านที่มีความผูกพันใกล้ชิด รวมทั้งไม่มีปัญหาใด ๆ กับประชาชนชาวมาเลเซีย แต่ต่อต้านพฤติกรรมของนายอันวาร์ ในฐานะผู้นำอาเซียน ที่ใช้เวทีอาเซียนเป็นเวทีส่วนตัว เพื่อประโยชน์ทางการเมืองภายในของตนเอง มากกว่าผลประโยชน์ของอาเซียนโดยรวม จึงขอประณามการกระทำของ นายอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะผู้นำอาเซียน ที่แทรกแซงกิจการภายในของไทย ส่งผลให้ไทยสูญเสียอำนาจอธิปไตยเขตแดน และเปิดช่องให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แทรกแซงอำนาจอธิปไตยไทยและความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ในวันเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินเท้าไปยังสถานเอกเอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้หยุดแทรกแซงสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. และนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เดินเท้าพร้อมกลุ่มมวลชนกว่า 100 คน ไปชุมนุมที่บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านการแทรกแซงจากต่างประเทศต่อสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้ชุมนุมได้เดินเท้ามาจากสถานทูตมาเลเซียมายังบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
โดยมีรถเครื่องเสียง ธงชาติไทย และป้ายไวนิลขนาดใหญ่แสดงภาพของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมข้อความ Stop betraying ASEAN people รวมทั้งป้ายข้อความเรียกร้องให้ หยุดแทรกแซงประเทศไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.1 สน.ลุมพินี และชุดควบคุมฝูงชน ได้จัดกำลังดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยติดตั้งรั้วเหล็กเพื่อจำกัดพื้นที่ด้านหน้าสถานทูต และจัดการจราจรบนถนนวิทยุให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อป้องกันผลกระทบต่อผู้ใช้เส้นทางและรักษาความปลอดภัยโดยรวม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 68)





