MPI เดือน ต.ค.พลิก -0.08% รับผลภาษี “ทรัมป์” คาดทั้งปี -0.75% ก่อนกลับมาโต 1-2% ปี 69

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ต.ค.68 อยู่ที่ระดับ 94.57 พลิกกลับมาหดตัวอีกครั้ง 0.08% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหดตัว 0.16% จากเดือน ก.ย.68 ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) ในเดือน ต.ค.68 อยู่ที่ 58.25 ลดลงจาก 58.45 ในเดือน ก.ย.68 เนื่องจากนโยบายการค้าของสหรัฐกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและเกษตรแปรรูปของไทย ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง โดยมีปัจจัยหลักจากการนำเข้าสินค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำและอุทกภัยในหลายพื้นที่ และมูลค่าการค้าชายแดนหดตัวต่อเนื่องและ การท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลงต่อเนื่อง

ขณะที่ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การผลิตรถยนต์ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเป็นผลมาจากยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 และมาตรการสำคัญของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส และการปรับลดราคาน้ำมัน ซึ่งโครงการทั้ง 2 ถือเป็นการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพและต้นทุนของทั้งภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรม

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวก ได้แก่

  • ยานยนต์ ขยายตัว 9.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฮบริดไม่เกิน 1800 ซีซี รถบรรทุกปิคอัพ และรถยนต์นั่งไฟฟ้า เป็นหลัก ตามการขยายตัวของตลาดในประเทศและการส่งออก และการเร่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการหลังมาตรการ EV 3.0 จะสิ้นสุดลงสิ้นปีนี้
  • ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัว 12.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ Printed Circuit Board Assembly (PCBA) เป็นหลัก ตามการเติบโตของตลาดอิเล็กทรอนิกส์โลกที่มีอย่างต่อเนื่อง
  • น้ำมันปาล์ม ขยายตัว 36.46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เป็นหลัก เนื่องจากปริมาณผลปาล์มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่างจากปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และการกลับมาผลิตเป็นปกติของผู้ผลิตบางรายหลังหยุดซ่อมบำรุงในปีก่อน

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบ ได้แก่

  • เครื่องปรับอากาศ ลดลง 21.04% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ เป็นหลัก เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศอ่อนแอ มีฝนตกน้ำท่วมในหลายพื้นที่ และสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมีราคาถูก
  • มอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า ลดลง 38.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นหลัก เนื่องจากมีการชะลอการผลิตเพื่อรอคำสั่งจากการไฟฟ้า
  • ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ลดลง 2.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา และน้ำมันเบนซิน เป็นหลัก เนื่องจากการหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ของผู้ผลิตบางราย

ทั้งนี้ ส่งผลให้ภาพรวม 10 เดือนแรกปี 2568 (ม.ค.-ต.ค.) หดตัวเฉลี่ย 0.80%

สำหรับความเสียหายที่เกิดจากมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้นั้น เบื้องตันพบผู้ประกอบการใน 9 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ 97 อำเภอ ได้รับผลกระทบ 3,500 ราย ทรัพย์สินเสียหาย 1,592 ล้านบาท และสูญเสียรายได้กว่า 1,380 ล้านบาท

นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า จากตัวเลขดัชนี MPI 10 เดือนแรกปี 2568 หดตัว 0.80% ส่งผลให้ สศอ.ปรับประมาณการปี 2568 คาดว่าดัชนี MPI หดตัว 0.75% และการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัว 0.5%

นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าระวังความไม่แน่นอนของนโยบายด้านเศรษฐกิจและมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จึงต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนและการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งส่งผลกระทบทำให้กำลังซื้อและการใช้จ่ายภาคครัวเรือนชะลอตัวลง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ส่งผลต่อภาคการผลิต ทำให้ส่งผลกระทบต่อสถานประกอบการ เครื่องจักรและอุปกรณ์ แรงงาน การขนส่ง ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม ระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทยเดือน พ.ย.68 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยปัจจัยภายในประเทศอยู่ในวัฏจักรขาลงและมีภาวะต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะด้านการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวสูงจากเดือนก่อน รวมถึงความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่หดตัวในภาคการผลิต ด้านปัจจัยต่างประเทศส่งสัญญาณเฝ้าระวังลดลงจากเดือนก่อน ตามการส่งออกที่ดีขึ้นทั้งจากการส่งออกไปจีนและออสเตรเลีย ขณะที่อินเดียเร่งนำเข้ามากขึ้น รวมถึงภาคการผลิตอาเซียนขยายตัวได้ต่อเนื่อง

คาดดัชนี MPI และ GDP ภาคอุตฯ กลับมาขยายตัว 1-2% ในปี 69

ส่วนในปี 2569 ได้ประมาณการดัชนี MPI และ GDP ภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัว 1.0-2.0% รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การค้าระหว่างประเทศของไทยกับคู่ค้าหลักยังมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง และทิศทางการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” นายศุภกิจ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 68)